อิสราเอลเตรียมฉีดวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคเข็มที่สามให้ประชาชนเป็นประเทศแรกของโลก เริ่มต้นจากกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หลังมีรายงานว่าภูมิคุ้มกันสามารถลดลงได้ ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ยังไม่มีการยืนยันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและควรชะลอโครงการไปก่อน
อิสราเอลมีนโยบายฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สามให้ประชาชนกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย เนื่องจากการติดเชื้อในประเทศที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา มากไปกว่านั้นยังมีผลการศึกษาที่แสดงว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายสามารถลดลงได้ การฉีดวัคซีนโดสที่สามจึงเป็นวิธีที่จะช่วยให้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้อีกครั้ง ทั้งยังลดโอกาสของการติดเชื้อและอาการป่วยขั้นรุนแรงอีกด้วย โดยการฉีดเข็มที่สามต้องเว้นระยะห่างจากการฉีดเข็มที่สองเป็นเวลาห้าเดือน
อัลจาซีรา (Aljazeera) รายงานแถลงการณ์ของนาฟตาลี เบนเนต (Naftali Bemmett) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งได้ประกาศผ่านทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า “ฉันกำลังประกาศว่า เย็นวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นแคมเปญการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม เป็นความจริงที่ว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย และความจริงยืนยันให้เห็นเช่นกันว่าวัคซีนสามารถป้องกันอาการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ เหมือนกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องต่ออายุเป็นครั้งคราว” เบนเนตยังระบุเพิ่มเติมว่า กลุ่มผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่า 2,000 รายที่ได้รับวัคซีนโดสที่สามแล้วไม่พบผลข้างเคียงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีประเทศที่อนุญาตการฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้ประชาชน อิสราเอลจึงถือเป็นประเทศแรกของโลก ด้านผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่า การรับวัคซีนเข็มที่สามยังไม่มีการยืนยันว่าจะไม่เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงและอิสราเอลควรชะลอโครงการออกไปก่อนเพื่อจะได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพให้มากขึ้น
กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลได้รับรายงานจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อของวัคซีนพบว่า ภายในระยะเวลาประมาณ 5-6 เดือน ประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปสามารถลดลงจาก 97% เหลือ 81% แต่ประสิทธิภาพการป้องกันอาการป่วยขั้นรุนแรงยังคงอยู่ที่ 91% ไม่เปลี่ยนแปลง
อิสราเอลเป็นประเทศหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการฉีดวัคซีนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โครงการฉีดวัคซีนปัจจุบันสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้จำนวนครึ่งหนึ่งของประชากรแล้วกว่า 9.3 ล้านคน คิดเป็นอัตราส่วนกว่า 57% และมีประชาชนกว่า 64% ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว
ที่มา: BBC , Aljazeera , Hindustan Times