เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 พ.ค. 2566 ที่วัดสระพังทอง บ้านหนองย่างชิ้น ต.หนองย่างชิ้น อ.เรณูนคร จ.นครพนม นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ วางผ้ามหาบังสุกุล ส่งดวงวิญญาณ สุจินดา ศรีวรขาน อายุ 69 ปี หรือ ครูสุจินดา นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเป็นต้นแบบครูการเมือง ที่สำคัญของ จ.นครพนม ภรรยาคู่ชีวิต ไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ส.ส. 13 สมัย ในครั้งนี้มีแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย เดินทางมาร่วมพิธีไว้อาลัย อาทิ อดิศร เพียงเกษ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ราพร สินธุไพร ขจิตร ชัยนิคม ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ว่าที่ ส.ส. เขต 1 นครพนม มนพร เจริญศรี ว่าที่ ส.ส.เขต 2 นครพนม ณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 นครพนม พรรคเพื่อไทย รวมถึงแกนนำ ส.ส. อีสาน หลายจังหวัด นอกจากนี้ยังมี ข้าราชการ พี่น้องประชาชน ตัวแทนภาครัฐ เอกชน และนักการเมืองท้องถิ่น ร่วมไว้อาลัย ส่งดวงวิญญาณสู่สวรรค์ อย่างเนืองแน่น
สำหรับ สุจินดา ศรีวรขาน อายุ 69 ปี หรือ ครูแก๊ส อดีตข้าราชการครู นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2566 ด้วยโรคประจำตัวเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ เดิมรับราชการครู กับสามี คือ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน อายุ 76 ปี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย แชมป์ 13 สมัย มีบุตรด้วยกัน 3 คน ภายหลังมีใจรักในการช่วยเหลือดูแล พี่น้องประชาชน ชอบอาสาทำงานพัฒนา จึงพากันตัดสินใจ ลาออกจากราชการครู สนับสนุน ให้ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน อายุ 76 ปี ลงสมัครการเมืองมาตั้งแต่ปี 2531 ทำหน้าที่หลังบ้านที่ดีมาตลอด ในการเคียงบ่าเคียงไหล่ สามี ลงพื้นที่ ดูแลพบปะชาวบ้าน จนเป็นที่รักใคร่ ของพี่น้องประชาชน ในเขตเลือกตั้งที่ 3 อ.ธาตุพนม อ.เรณูนคร และอำเภอใกล้เคียง รวมถึง ชาว จ.นครพนม
อีกทั้งเป็นคนมีเมตตาจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี จนได้รับความเมตตาจากชาวบ้าน สนับสนุน ครอบครัว ศรีวรขาน มาตลอดกว่า 30 ปี และยังเคยทำงานในตำแหน่ง อดีต รองนายก อบจ.นครพนม จนกระทั่งการเลือกตั้ง ครั้งนี้ ถึงแม้จะมีโรคประจำตัว แต่ยังต่อสู้ลงพื้นที่ปราศรัยสนับสนุนสามีจนนาทีโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เนื่องจากเป็นแกนนำคนเสื้อแดง รักประชาธิปไตยมาตลอด นับเป็นการสูญเสียครูการเมืองต้นแบบ นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่สำคัญของ จ.นครพนม เนื่องจากเป็นครูทางการเมืองคนสำคัญ ที่สนับสนุนให้ นักการเมืองท้องถิ่น ประสบความสำเร็จทางการเมือง มานับไม่ถ้วน