8 ก.ย. 2566 ที่ตลาดนัดคลองถม อ.แกลง จ.ระยอง พรรคก้าวไกล จัดเวทีปราศรัยใหญ่ทิ้งท้ายการเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 3 จ.ระยอง ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 กันยายนนี้ โดยพรรคก้าวไกลได้ส่ง พงศธร ศรเพชรนรินทร์ (เบอร์ 1) เป็นผู้สมัครสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยนอกจาก สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ทั้ง 4 เขตแล้ว ยังมีแกนนำและ สส.พรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยในวันนี้ด้วยหลายราย ไม่ว่าจะเป็น ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพฯ, กรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ, เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมปราศรัยท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมเวทีในครั้งนี้อย่างคับคั่ง
เริ่มต้นด้วยการปราศรัยของ สส.ระยอง ทั้ง 4 เขต โดยหนึ่งในนั้น คือ สว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ สส.ระยอง เขต 5 พรรคก้าวไกล ที่ระบุว่าขอให้ในวันที่ 10 ก.ย. นี้ ชาวระยอง เขต 3 ทุกคนช่วยกันไปยืนยันว่าประชาชนต้องการการเมืองแบบไหน เขาบอกว่าเราไม่มีเพื่อนคบ แต่เรามีประชาชนเป็นเพื่อน ประชาชนเลือกเราเพราะประชาชนต้องการการเมืองที่ใสสะอาด คำไหนคำนั้น ตรงไปตรงมา ดังนั้น วันที่ 10 ก.ย. ทุกคนต้องออกไปแสดงพลังของประชาชนคนธรรมดา และเมื่อหลังเลือกตั้งเสร็จแล้ว ขอให้ไปช่วยสังเกตการณ์การนับคะแนนกันต่อ
ด้าน เบญจา ระบุว่า จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่มาบตาพุด ชาวระยองในเขต 3 ก็ได้รับผลกระทบอย่างสาหัสไม่แพ้กัน โดยเฉพาะที่แหลมแม่พิมพ์ อ.แกลง ซึ่งนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา พงศธรได้ร่วมติดตามปัญหาและการชดเชยเยียวยาให้ประชาชนมาสม่ำเสมอ ชาวระยองไม่ควรต้องอยู่กับวิกฤติที่เป็นระเบิดเวลาแบบนี้ ไม่ควรต้องอยู่กับการพัฒนาที่ไม่มีสิทธิเลือกแบบนี้ พงศธรคือคนที่จะไปยกมือผ่านกฎหมายส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้กับพวกเราอีกคน และพงศธร ก็คือคนที่จะไปยกมือผ่านกฎหมายปฏิรูปที่ดินให้กับประชาชนชาวเขาชะเมา ที่ถูกแย่งพื้นที่ เพิกถอนสิทธิในที่ดิน ขับไล่ออกจากที่ดินทำกิน จากการถูกป่าเขาชะเมาประกาศทับที่ดินทำกิน
ขณะที่ วิโรจน์ ระบุว่าการเมืองวันนี้ได้เดินทางมาถึงจุดที่เกิดการผสมพันธ์ุข้ามขั้ว โดยพรรคการเมืองกลุ่มหนึ่งที่เคยถูกเรียกว่าฝ่ายประชาธิปไตย เวลานี้กลับมองการเลือกตั้งเป็นแค่พิธี มองว่าสัญญาใดๆ ที่ให้ไว้กับประชาชนเป็นเพียงเทคนิคในการหาเสียง และถดถอยในความทะเยอทะยานและกล้าหาญที่จะรับปากประชาบน ตกต่ำเหลือแค่ความขี้ขลาดหวาดกลัว การเลือกตั้งที่แกลงและเขาชะเมา จึงไม่ใช่แค่การเลือกตั้งในพื้นที่ เมื่อเส้นแบ่งใหม่เกิดขึ้นระหว่างการเมืองแบบเก่ากับการเมืองแบบใหม่ การเลือกตั้งที่นี่จึงกลายเป็นการเลือกตั้งระหว่างพรรคก้าวไกล สู้กับฝ่ายที่มองว่าประชาชนเป็นแค่เครื่องมือกากบาท หากก้าวไกลชนะ มันคือชัยชนะของประชาชนทั้งประเทศ ต่อไดโนเสาร์ที่อยากรักษาการเมืองแบบเก่าเอาไว้ ดังนั้น ในวันที่ 10 ก.ย. นี้ จะเป็นศึกสำคัญระหว่างฝ่ายประชาชนกับศักดินาอนุรักษนิยม ตนจึงขอให้ชาวแกลงและเขาชะเมาทุกคน ช่วยเป็นแรงกายแรงใจ เป็นผู้กากบาทแทนให้กับประชาชนทั้งประเทศ
ในส่วนของ พงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร สส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ระบุว่าตลอดการเดินทางหาเสียงที่ผ่านมา ตนได้รับทั้งแรงกายและแรงใจจากประชาชนมากมายตลอดเส้นทาง นี่คือสิ่งที่ทำให้ตนและพรรคก้าวไกลเดินหน้าอย่างสุดใจมาจนถึงวันนี้ เพื่อแทนคำขอบคุณ ตนพร้อมทำงานเต็มที่ เพื่อผลักดันนโยบายตามที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลฝากมาให้ในเรื่องของ ‘4 ส.’ ทั้งเรื่องสาธารณสุข ที่มีปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน ค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม ทั้งที่ระยองเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวประชากรสูงเป็นอันดับต้นของประเทศ เรื่องที่สองคือสวัสดิการ โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ ที่ปัจจุบันกำลังเสี่ยงต้องเข้าสู่เกณฑ์การพิสูจน์ความจน ซึ่งตนไม่อาจยอมรับได้
เรื่องที่สาม คือสิ่งแวดล้อม ซึ่งแกลงและเขาชะเมามีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ หล่อเลี้ยงทั้งเศรษฐกิจการท่องเที่ยว การเกษตร และการประมง ตนจะเข้าไปผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งการจำกัดการเคลื่อนย้ายสารเคมีและการจัดการสารพิษจากอุตสาหกรรม แทนชาวแกลงและชาวเขาชะเมาให้ได้ และสุดท้าย คือเรื่องของเศรษฐกิจ ที่เราจะต้องเร่งคืนชีวิตให้กับแกลงและเขาชะเมา
ผู้แทนราษฏรในวิถีก้าวไกลไม่เคยหายหัว เลือกตั้งเสร็จเราจะพบปะประชาชนอย่างต่อเนื่องแน่นอน ตนยืนยันได้ว่าแกลงและเขาชะเมามีที่มาที่หลากหลายมาก ตนและพรรคก้าวไกลเคารพและให้เกียรติชาวแกลงและเขาชะเมาที่มีที่มาที่หลากหลาย การเลือกตั้งในวันที่ 10 ก.ย. นี้ การกาเบอร์ 1 คือการเลือกตั้งเพื่อพวกเรา เพื่อชาวแกลงและเขาชะเมาทุกคน เพื่อเดินหน้าสู่วิถีก้าวไกล
ทางด้าน ชัยธวัช ระบุว่าวันนี้พรรคก้าวไกลกำลังจะเข้าสู่บทบาทฝ่ายค้านเชิงรุก ที่จะไม่ใช่แค่เป็นฝ่ายค้านอย่างเดียว เราจะใช้สถานะความเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนสนับสนุน สถานะความเป็นผู้แทนราษฎร จับมือกับประชาชนไปผลักดันการแก้ปัญหาและนโยบายต่างๆ ไปด้วย ตอนนี้รัฐบาลยังไม่เริ่มทำงาน แต่เราเริ่มทำงานแล้วด้วยการผลักดันกฎหมายกว่า 40 ฉบับ ตามที่สัญญาไว้กับประชาชน ยื่นไปแล้ว 24 ฉบับ ที่เหลือจะทยอยยื่นทุกเดือน มาตรการใดของรัฐบาลที่ดีเราจะสนับสนุน อะไรที่ยังดีไม่พอก็ต้องวิพากษ์วิจารณ์ผลักดันให้ดีกว่านี้ อย่างเรื่องการเกณฑ์ทหาร ที่พรรครัฐบาลหาเสียงแบบเดียวกับก้าวไกลเป๊ะ แต่ตอนนี้กลับลำกลายเป็นการลดการเกณฑ์ทหาร พรรคก้าวไกลก็จะสอบถามในการแถลงนโยบายที่จะเกิดขึ้น และฝ่ายค้านเชิงรุกอย่างพรรคก้าวไกลก็จะเดินหน้าตรวจสอบกดดัน และผลักดันต่อในนโยบายด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสวัสดิการ ที่ดินป่าไม้ สิ่งแวดล้อม
การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ยังมีความสำคัญต่อการเมืองระดับชาติด้วย นี่จะเป็นหมุดหมายใหม่ของการเมืองไทย จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ของการเมืองไทย หลังเลือกตั้ง 14 พ.ค. เราต่างดีใจว่าจะได้การเมืองใหม่มาบริหารประเทศ แต่การจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง ตนอยากย้ำว่าการเลือกตั้งซ่อมที่นี่มีความหมายมาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันเลือกตั้งจนจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ สะท้อนว่ามีผู้มีอำนาจ ชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ เป็นนายทุนใหญ่ มีอำนาจทางการเมือง ที่ปกครองควบคุมประเทศมาอย่างยาวนาน รวมหัวจับมือกันเพื่อขัดขวางการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการให้ก้าวไกลมาเป็นฝ่ายบริหาร เมื่อมีการเมืองแบบก้าวไกลก็เลิกทะเลาะขัดแย้งกัน มาร่วมมือกันเพื่อไม่ให้การเปลี่ยนแปลงในแบบที่ประชาชนต้องการเกิดขึ้น การเลือกตั้ง 10 ก.ย. จะเป็นเส้นแบ่งว่าประชาชนต้องการการเมืองแบบเดิมที่แก้ไขปัญหาของประชาขนไม่ได้ นำพาประเทศให้มีอนาคตกว่านี้ไม่ได้ หรือการเมืองแบบใหม่
ต่อมา พิธา ระบุว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึง 48 ชั่วโมงแล้ว ที่เราจะได้ร่วมกันกำหนดอนาคตของชาวแกลงและเขาชะเมา ส่งสัญญาณไปถึงทำเนียบฯ ว่าประชาชนเลือกตั้งแบบไหนก็ต้องได้แบบนั้น เพื่อยืนยันว่าในระบบประชาธิปไตย ประชาชนไม่ใช่แค่ตัวประกอบหรือตัวประกัน แต่คือประธานที่จะบ่งบอกว่าประเทศจะเดินหน้าไปทางไหน และเราเชื่อว่าพวกเราจะทำมันได้ เพราะระยองคือก้าวไกล และก้าวไกลคือระยอง
เหตุผลแรก เพราะเราคือที่หนึ่งไม่เป็นรองใคร ในจังหวัดแห่งนี้มีรายได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ แต่ประชาชนก็ยังคงเหลื่อมล้ำอยู่ วันหนึ่งที่เราได้เข้าทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ตนเป็นนายกฯ คนที่ 31 เราจะเข้าไปแก้ปัญหานี้ด้วยกัน เหตุผลที่สอง ทั้งระยองและก้าวไกลต่างโอบรับในความหลากหลาย เต็มไปด้วยทรัพยากร เต็มไปด้วยโอกาส พรรคก้าวไกลก็ไม่ต่างกัน เรามีคนที่หลากหลาย อย่างเช่น สส. ที่มาร่วมกับเราในเวทีนี้ที่นี่กว่า 30 คน มีตั้งแต่เชียงใหม่ไปจนถึงภูเก็ต เราหลากหลายแต่เรามีความตั้งใจเดียวกัน เราแยกกันทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน ไม่มีคำว่าเหนื่อย ไม่มีคำว่าสิ้นหวัง ประชาชนเลือกเรามาทำงาน ไม่ใช่เพื่อมาผิดหวัง
และเหตุผลที่สาม พรรคก้าวไกลและระยองต่างก็คือความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เชื่อถือได้ คนระยองซื้อไม่ได้ พรรคก้าวไกลไม่ยอมให้ใครมาปลูกกล้วย 50 - 60 หวี เหมือนกับชาวระยองที่ไม่มีใครเอาเงินมาฟาดหัวได้ง่ายๆ คุณมีหัวคะแนนจ่ายเงิน แต่เรามีหัวคะแนนธรรมชาติ และจะเป็น กกต.ธรรมชาติในวันอาทิตย์นี้ด้วย
“เราคือครอบครัวเดียวกัน เรามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แยกออกจากกันไม่ได้ วันที่ 10 ก.ย. นี้ตื่นแต่เช้าไปกาก้าวไกล คนอื่นอาจมองว่าเป็นชัยชนะเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับเรานั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เพื่อให้สังคมเราดีขึ้นกว่านี้ ให้ระยองดีกว่าเดิม และผมสัญญาว่าเราจะมาเปลี่ยนระยอง เปลี่ยนภาคตะวันออก เปลี่ยนประเทศไทย และเปลี่ยนโลกใบนี้ไปด้วยกัน” พิธากล่าว