วันที่ 15 ก.ย. 2565 ที่อาคารรัฐสภา อุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย แถลงหลังสภาลงมติร่าง พ.ร.บ. กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ปลดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ โดยระบุว่า กฎหมายฉบับนี้เขียนไว้ชัดเจนว่า บุคคลที่จบการศึกษาแล้วและไม่มีงานทำ หมายความว่าบุคคลที่ตั้งใจอยากหางานทำ แต่ไม่มีงาน ด้วยเหตุต่างๆ เนื่องจากตกงาน หรือกรณีที่รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการให้คนมีงานทำได้ ในส่วนนี้จะได้รับการยกเว้น ส่วนกรณีคนที่จบไปแล้วไม่ทำงาน ยกตัวอย่าง เมื่อจบการศึกษาแล้วสมรสกับคนมีฐานะ กรณีนี้จะไม่ยกเว้น ตามหลักการเรียกว่าหนี้บุริมสิทธิ หากมีเงินโอนเข้าในบัญชีและสามารถตรวจสอบได้ จะสามารถหักเงินจากบัญชีได้

อุบลศักดิ์ กล่าวต่อว่า กฎหมายฉบับนี้ที่ทางสภาได้เห็นชอบไปแล้วนั้น ได้ใช้ความพยายามมานาน ตนได้รับมอบหมายเป็นนายกสภาสถาบันอาชีวศึกษา ตนได้ศึกษาและหาทางแก้ไขมาโดยตลอด เนื่องจากที่ผ่านมาเวลาปฐมนิเทศนักศึกษาผู้ปกครองหลายท่านไม่มีกำลังทรัพย์ ในอดีตมีผู้ค้ำประกันคืออาจารย์ที่สงสารนักเรียนจึงไปค้ำประกันให้ แต่ปรากฏว่าผู้ที่ไปค้ำประกันกลับถูกฟ้องเมื่อเด็กไม่มีงานทำ และถูกยึดทรัพย์ ถูกฟ้องล้มละลาย ในขณะเดียวกันเมื่อถูกฟ้องหลายครั้ง จึงทำให้อาจารย์ไม่กล้าค้ำประกัน

“วันนี้กฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนในมาตรา 54 ไว้ชัดเจนว่า รัฐจะต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษา ความต้องการในระบบต่างๆ รวมทั้งส่งเสริมให้มีความรู้ตลอดชีวิต และจัดให้มีการร่วมมือระหว่างรัฐ องค์กรส่วนท้องถิ่นและองค์การเอกชน ในการจัดการศึกษาทุกระดับ โดยรัฐมีหน้าที่ดำเนินการกำกับส่งเสริมและสนับสนุน ให้การศึกษาดังกล่าวมีคุณภาพ ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ และในอีกวรรคหนึ่งได้เขียนไว้ว่ารัฐไม่ต้องเก็บค่าใช้จ่าย" อุบลศักดิ์ กล่าว

อุบลศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากเด็กที่ไม่มีงานทำ ที่ถูกฟ้องไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ค่าใช้จ่ายว่าความเรื่องทนาย 5,000 บาท ค่าติดตามอีก 7,000 บาท ทนายที่เข้ามาเซ็นชื่อได้รับเงิน 4,000 บาท จึงอยากถามว่าและเงินอีกจำนวนหนึ่งไปอยู่ในมือใคร ตนไม่เห็นด้วยที่รัฐจะไปขูดรีดกับคนจน และพรรคเพื่อไทยยืนยันมาโดยตลอดก่อนที่กฎหมายนี้จะเข้า ว่าเราไม่เห็นด้วย