วันที่ 8 เม.ย. 2564 ที่รัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะประธานที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงข่าวผลการประชุมว่า ในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. นี้ เป็นต้นไป พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเดินทางไปพบประชาชนใน 4 ภาค ได้แก่ เหนือ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และ ใต้ เพื่อรับฟังปัญกาความเดือดร้อนของประชาชนทั้งในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจ รวมถึงสอบถามความคิดเห็นและความต้องการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560
ทั้งนี้ จากการที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.ป ถูกตีตกในที่ประชุมร่วมรัฐสภา วาระ 3 อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าต้องทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องรอกฎหมายประชามติ พรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคจึงจะไปหารือกันถึงความเห็นร่วมกันที่จะนำเสนอเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป โดยอาจมีการนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคฝ่ายค้านได้เสนอไปก่อนหน้านี้ มาปรับปรุงให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและความต้องการของประชาชน
ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและ เลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันจุดยืนเดิม โดยเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันสร้างปัญหาไม่สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน เป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่ส่งเสริมการแก้ปัญหาประชาชนและไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศได้ โดยขอเสนอให้มี ส.ส.ร. เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไข รัฐธรรมนูญ
ส่วนปัจจุบันที่มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรานั้นก็สามารถทำคู่ขนานไปได้ โดยในการแก้ไขมาตราต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งในระหว่างการปิดสมัยประชุมจะเดินสายพบประชาชนเพื่อรับฟังความคิดเห็นและยื่นข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยจะดำเนินการให้เสร็จก่อนการเปิดสมัยประชุมสมัยหน้า
ขณะที่ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กรณีที่มีความกังวลว่าหากเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แล้วจะถูกคว่ำอีกหรือไม่นั้น สาเหตุที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในครั้งที่แล้ว เพราะต้องทำประชามติถามประชาชน ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะมีการยื่นร่างแก้ไขทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการ และพรรคร่วมฝ่ายค้านจะสอบถามความต้องการจากประชาชน หากต้องมีการทำประชามติก็จะให้รัฐสภาส่งเรื่องไปยัง ครม. เพื่อขอทำประชามติต่อไป ซึ่งเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ตัดสินใจอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นใครหรือแม้กระทั้ง ส.ว. ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ฝ่ายค้าน ผิดหวังสภาองค์ล่ม จี้ รบ.รับผิดชอบหาก ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ
ส่วนกรณีที่ประชุมรัฐสภามีการปิดประชุมระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ว.ท่านหนึ่งเสนอตรวจสอบองค์ประชุมโดยการขานชื่อ แม้จะมีการอธิบายกันอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อมีการประชุมในมาตราต่อไป มีสมาชิกรัฐสภาส่วนหนึ่งนั่งอยู่นอกห้องประชุมโดยไม่ยอมเข้าห้อง เหมือนมีเจตนาทำให้องค์ประชุมล่ม ทั้งที่ ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านในอยู่ในห้องประชุมครบ และพร้อมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เรารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งที่ส.ว.บางคนไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม จนทำให้องค์ประชุมล่มลงไป ทำให้ร่างพ.ร.บ.ที่รัฐบาลเสนอขึ้นมาเอง ในฐานะกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูป แต่กลับปล่อยให้การประชุมเป็นภาระของพรรคร่วมฝ่าย ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกหากพ.ร.บ.ประชามติฉบับนี้ไม่ผ่านการพิจารณาในวาระ 3
ภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ยิ่งตอกย้ำให้เราเห็นว่าการมีสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ได้มากจากประชาชน แต่มาจากผู้มีอำนาจจึงมุ่งเน้นทำตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ ไม่ใช่ทำตามที่ประชาชนต้องการ ไม่ได้ไขข้อข้องใจให้พี่น้องประชาชนในเรื่องที่มีปัญหา ทั้งนี้ รัฐบาลไปขอพระบรมราชโองการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ แต่สุดท้ายองค์ประชุมก็ล่ม แสดงให้เห็นว่า ส.ว และส.ส.ซีกรัฐบาลทำตามใจชอบ ดังนั้น รัฐบาลและส.ว.ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น การมีวุฒิสภาแบบนี้ไม่รู้ประเทศจะมีไปทำไมฝากให้พิจารณาตัวเองด้วย
ด้าน ชัยธวัช กล่าวว่า เจตนาต้องการเตะถ่วง และขัดขวางไม่ให้มีช่องทางในการทำประชามติเพื่อให้มี ส.ส.ร. ทั้งที่ก่อนหน้านี้ท่านอ้างมาตลอดว่าต้องไปฟังเสียงประชาชนก่อน เป็นการเล่นกล เล่นปาหี่ ลุแก่อำนาจ ขอเตือนส.ว. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้ต้อไปอีก ประชาชนกำลังจะหมดความอดทน และการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ และส.ว.จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะทั้งปัญหาโควิด และเศรษฐกิจท่านก็แก้ไม่ได้ ถ้าท่ายังเป็นแบบนี้อีก ตนคิดว่าคงต้องขับไล่รัฐบาล และส.ว.
สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนต้องขอบคุณ ชวน หลีกภัย ประธานสภา ที่พยายามไกล่เกลี่ย แต่ทางส.ว.มีท่าทีบ่ายเบี่ยง ไม่รับ สุดท้ายแม้ประธานขอให้ประชุมต่อ ถ้าไม่ไหวค่อยเลิก พอเข้าห้องประชุม ส.ว.ก็เลิกจริงๆ แสดงให้เห็นว่าเขากลัวการถามประชาชนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เลยพยายามหนี ซึ่งทางเดียวที่หนีได้ก็คือการพยายามทำให้พ.ร.บ.ประชามติช้าออกไปให้ได้มากที่สุด ถ้าทำให้กฎหมายตกไปได้ก็คงทำไปแแล้ว ดังนั้น ตนขอประณามอีกเสียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง