ไม่พบผลการค้นหา
เลขา ครป. ชี้ สว.คือจำเลยการเมือง ไม่ใช่พรรคก้าวไกล แนะกดดันการลงโทษทางสังคม ส่วนพรรคเพื่อไทยแยกวง สะท้อน ปชต.ถอยหลังเข้าคลอง

วันที่ 2 ส.ค. เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทยแถลงแตกแถวหรือแยกวงวันนี้นั้น สะท้อนว่าประชาธิปไตยไทยกำลังถอยหลังเข้าคลอง เพราะพรรคการเมืองและสภาผู้แทนราษฎรยอมแพ้ต่อระบอบอำนาจนิยม ที่ใช้วุฒิสภาเป็นกาฝากของระบบรัฐสภาและเป็นปฏิปักษ์ประชาธิปไตย

ปัญหาหลักของการเมืองไทยในวันนี้คือ สว. เป็นจำเลย ไม่ใช่ความผิดของพรรคก้าวไกลที่ไม่ถอยนโยบาย หรือความผิดของ 8 พรรคเสียงข้างมากที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาล แต่การที่ สว.ไม่โหวตให้เหมือนฉันทามติปี 2562 เพราะฝ่ายอำนาจเก่าต้องการสืบทอดอำนาจ เรื่องพรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เป็นเรื่องพื้นฐานในระบอบรัฐสภาที่พรรคอันดับ 2 ต้องจัดตั้งเสียงข้างมากในสภาแทน แต่ไม่เกี่ยวกับวุฒิสภาที่เป็นส่วนเกินเหมือนในขณะนี้

ทางออกของพรรคการเมือง คือการกดดัน สว.ที่เป็นตัวปัญหา คนเขียนรัฐธรรมนูญ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กลายเป็นจำเลยทางการเมืองวันนี้ ที่ขุดหลุมพรางให้ระบบรัฐสภาติดหล่ม ต้องเพิ่มแรงกดดันและการลงโทษโดยสังคม (Social Sanctions) ตามงานวิจัยของ สว.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ที่วิจัยเอาไว้ดีมาก ก่อนบ้านเมืองจะขัดแย้งและนำมาซึ่งความรุนแรงจากอาชญากรรมโดยรัฐเหมือนในอดีต ก่อนนกพิราบจะขยับปีกกลางเปลวแดด ในวาระ 50 ปี 14 ตุลาที่จะถึงนี้ ที่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีรัตนโกสินทร์เขียนไว้ดีมาก

ประชาชนไทยต้องทำให้ สว.ทราบว่าเขาคือตัวปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้ให้เป็นปัญหา ซึ่งพวกเขาสามารถฝ่าข้ามทางตันนี้ได้ ด้วยจิตใจที่เป็นธรรมและมโนธรรมสำนึก กลุ่มอำนาจเดิมต้องประกาศวางมือได้แล้วตาม พล.อ.ประยุทธ์ ไปด้วยสัญญาสุภาพบุรุษ ปลดล็อคบอก สว.ให้ประเทศไทยได้ไปต่อ รวมถึงพรรคการเมืองต่างๆ ต้องร่วมผ่าทางตันโดยไม่ต้องรอ 10 เดือน ไม่ใช่การโยนความผิดให้กันแล้วแตกแถวแยกวงไปร่วมกับกลุ่มอำนาจเก่า

อย่าลืมว่า เหตุผลเดียวของอำนาจ สว. เฉพาะกิจชั่วระยะหนึ่ง ในบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ 60 คือการสืบทอดอำนาจ ซึ่งไม่อาจเขียนเป็นบทหลักได้ จึงไปเขียนในบทเฉพาะกาลไว้ชั่วคราวเพื่อป้องกันปัญหา แต่จะต้องไม่กระทบกับเจตนารมณ์และบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 3 และมาตรา 5

มาตรา 3 อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย รัฐสภาต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม และมาตรา 5 รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทําใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทํานั้นเป็นอันใช้บังคับ มิได้ เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทําการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้น ไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ซึ่งในปี 2562 สว.ไม่ได้โหวตขัดแย้งมาตรา 3 และ 5 เพราะโหวตเลือกนายกตามเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ครั้งนี้พวกท่านทำผิดรัฐธรรมนูญบทบัญญัติหลัก ร่วมล้มล้างประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข