ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว.ทั้งนี้ได้ให้นโยบายด้านการทำงานให้มีการบูรณาการร่วมกันในหลายหน่วยงาน เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจเอสเอ็มอีให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น
ภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ในช่วงเศรษฐกิจและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนมาก ที่ยังไม่แข็งแรง สสว.ต้องหาทางช่วยเอสเอ็มอีให้มากที่สุด การพัฒนาสินค้าเพื่อการส่งออกไปตีตลาดโลกเพื่อดึงรายได้เข้าประเทศ ผู้ประกอบการรายใดที่มีปัญหาด้านเงินทุน แต่เป็นธุรกิจที่มีอนาคต ควรหามาตรการช่วยเหลือ ทั้งทางด้านเงินทุนและพัฒนาสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในตลาดมากขึ้น ซึ่ง สสว.ต้องทำงานให้หนักกว่านี้ เพื่อเศรษฐกิจไทยที่เข้มแข็ง
ทั้งนี้หากธุรกิจเอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านรายมีผลประกอบการดีขึ้นก็จะช่วยเพิ่มรายได้ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพราะภาคธุรกิจเอสเอ็มอีผู้พันธ์กับประชาชนทั่วประเทศ
“ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนการทุจริตใน สสว.นั้น ได้ให้นโยบายกับผู้บริหารและประธานบอร์ด สสว.ว่าหากมีข้อร้องเรียน ให้มีตั้งกรรมการการตรวจสอบหากพบว่าข้อร้องเรียนมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือจะมีการตั้งกรรมการสอบผู้ที่เกี่ยวข้องและหากพบว่าผิดจริงก็พร้อมที่จะลงโทษอย่างแน่นอน เพราะนโยบายการปราบปรามและแก้ปัญหาคอรัปชั่น เป็นนโยบายที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมาก ดังนั้นหากพบมีการทุจริตจะไม่เอาไว้อย่างแน่นอน”