ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ว่า การชุมนุมเพื่อรณรงค์ให้สมาชิกรัฐสภารับร่างกฏหมายใดกฎหมายหนึ่งเป็นเรื่องปกติสามัญในระบอบประชาธิปไตย กลุ่มราษฎรผู้ชุมนุมเพียงแค่ต้องการแสดงออกถึงเสียงของพวกเขา เผด็จการกุมเสียงข้างมากในรัฐสภาอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งสภาและประชาชนทั่วไปรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญของไอลอว์อย่างไรก็ไม่ผ่านการลงคะแนน แต่พวกเขาต้องการยืนยันในข้อเรียกร้องของตนเองเพียงเท่านั้น ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ต้องใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ปล่อยให้ผู้ชุมนุมปะทะกัน ทั้งๆ ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงมากมายประจำการอยู่บริเวณนั้น
ธนาธรระบุว่า เหตุผลเดียวที่พอจะนึกออกก็คือ เผด็จการต้องการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง สร้างสถานการณ์ให้เห็นว่าประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อด้วยวิถีทางปกติได้ จุดจบปลายทางคือสร้างสถานการณ์ เพื่อผลิตเหตุผลรองรับการแทรกแซงการเมืองด้วยวิธีการที่ไม่ปกติ และไม่เป็นประชาธิปไตย การปะทะกันระหว่างกลุ่มราษฎรและมวลชนเสื้อเหลืองเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563 ถือว่าเป็นการปะทะกันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก เป็นการยกระดับความขัดแย้งซึ่งเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย ไปสู่การเผชิญหน้าและความรุนแรง เช่น ทำร้ายผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือฝั่งตรงกันข้าม ขัดขวางการใช้สิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เป็นการสร้างวิกฤต ทำให้ผู้คนเห็นว่ากระบวนการตามรัฐธรรมนูญหรือประชาธิปไตยไม่มีประสิทธิภาพ เพื่อเปิดช่องหรือเรียกร้องการแทรกแซงทางการเมืองของอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทหาร และตุลาการ
"ผมให้กำลังใจทุกคน และขอคารวะหัวใจที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวทุกดวงที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพเพื่อพวกเราและลูกหลานเราที่หน้ารัฐสภา และที่ราชประสงค์ การเคลื่อนไหวของเยาวชนหนุ่มสาวเหล่านี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ทั้งในแง่เป้าหมายที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย และวิธีการที่อยู่บนฐานของปฏิบัติการไร้ความรุนแรงอย่างเคร่งครัด การชุมนุมอย่างสงบและสันติในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาได้พิสูจน์ถึงความมีวินัยของพวกเขา อย่ายอมให้ฝ่ายอนุรักษนิยมเอาตัวรอดจากข้อเรียกร้องของประชาชนด้วยการสร้างสถานการณ์เพื่อการทำรัฐประหาร" ธนาธร ระบุ
ธนาธรย้ำว่า หากพวกเขาทำรัฐประหารอีกครั้ง ครั้งนี้เราต้องต่อสู้ร่วมกัน มันต้องจบไม่เหมือนเดิม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง