ไม่พบผลการค้นหา
พรรคเพื่อไทย จี้ 'ประยุทธ์' เลื่อนการลดการคุ้มครองเงินฝากออกไปก่อน จนกว่าโควิด-19 จะคลี่คลาย หวั่นนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่น และอาจจะมีการแห่ถอนเงิน

เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส. เลย คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามกำหนดการวันที่ 11 สิงหาคมนี้ ที่จะมีการลดคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทนั้น อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้เลื่อนการลดการคุ้มครองเงินฝากนี้ไปก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ และอาจนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของสถาบันการเงิน และอาจจะมีการแห่ถอนเงิน จนอาจเป็นสาเหตุทำให้สถาบันทางการเงินเสียหายและล้มละลายได้ ซึ่งจะส่งผลต่อระบบสถาบันการเงินทั้งระบบ และ กระทบต่อการเงินการคลังของประเทศได้ โดยอยากให้ข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลได้พิจารณา 9 เหตุผลดังนี้

  • 1. สภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดยังคงรุนแรงมีคนเจ็บคนตายเพิ่มขึ้นตลอดและการสั่งล็อกดาวน์ 29 จังหวัด ได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั้งประเทศ อีกทั้งยังไม่มีเป้าหมายว่าจะปลดล็อกดาวน์ได้เมื่อไหร่ หากยังไม่มีวัคซีนที่มีคุณภาพเข้ามาพอเพียง และยังไม่สามารถกระจายการฉีดจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโควิดและความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลาหลายปี 
  • 2. การล็อกดาวน์ยาวนานจะส่งผลต่อบริษัทห้างร้านต่างๆ ให้ขาดทุนและปิดกิจการ ส่งผลทำให้เกิดหนี้เสียในภาคธนาคารจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินที่มีหนี้เสียมาก หากลดการคุ้มครอง คนอาจจะแห่ถอนเงินได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของสถานบันการเงิน 
  • 3. หนี้ภาคครัวเรือนพุ่งขึ้นสูงจะมีสัดส่วนถึง 93% ของจีดีพี โดยยังไม่มีทิศทางที่จะลดลงได้ หนี้ภาคครัวเรือนบางส่วนจะกลายเป็นหนี้เสียในภาคธนาคาร และจะทำให้เกิดปัญหาความน่าเชื่อถือ
  • 4. สภาวะการเงินการคลังของรัฐบาลเองก็ไม่มีความมั่นคง หนี้สาธารณะจะพุ่งเกิน 9 ล้านล้านบาท และ จะทะลุเกินเพดาน 60% ของจีดีพีในไม่ช้านี้ และที่สำคัญยังไม่มีแนวทางการหาเงินเข้าประเทศเพื่อใช้หนี้หรือลดสัดส่วนหนี้ได้แต่อย่างใด แนวโน้มหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 
  • 5. ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศว่า ใกล้หมดกระสุนที่จะประคองเศรษฐกิจแล้ว ยิ่งจะทำลายความมั่นใจของผู้ฝากเงิน
  • 6. ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศอีกต่อไป ตามบทวิเคราะห์ของสถาบันการเงิน ดังนั้นนักลงทุนต่างประเทศไม่มาลงทุนในไทย อีกทั้ง นักลงทุนต่างประเทศในที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็ขายหุ้นสุทธิในตลาดมาตลอด ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง และ สื่อใหญ่ นิเคอิ เอเชีย จัด ประเทศไทยเป็นอยู่อันดับท้ายสุดที่ 120 ที่จะฟื้นตัวจากวิกฤติไวรัสโควิด
  • 7. ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าลงอย่างมาก อ่อนค่าที่สุดในภูมิภาค จากสถานะทางการเงินการคลังของไทย และ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 
  • 8. ดุลบัญชีทางบริการของไทยติดลบจากการท่องเที่ยวของไทยที่หดหายจากการระบาดของไวรัสโควิด และล่าสุดคดีฆาตกรรมของนักท่องเที่ยวผู้หญิงชาวสวิส ได้กลายเป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั้งโลก กระทบต่อภาพพจน์ชื่อเสียงของประเทศไทยอย่างมาก
  • 9.ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อตัวนายกรัฐมนตรีลดลงจนถึงขั้นติดลบ จะทำให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศ และ สถาบันการเงินลดลง ประชาชนอาจจะถอนเงินและนำเงินไปฝากหรือไปลงทุนต่างประเทศกันมากยิ่งขึ้นไปอีก

เลิศศักดิ์ ระบุว่า นี่เป็น 9 เหตุผลหลักที่ รัฐบาลควรจะพิจารณาเลื่อนการลดการคุ้มครองเงินฝากออกไปก่อน จนกว่าปัญหาการระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลาย และความเชื่อมั่นขอประชนที่มีต่อรัฐบาล และเศรษฐกิจดีขึ้นจึงค่อยลดการคุ้มครอง เป็นการวางแผนป้องกันปัญหา ดีกว่ารอปัญหาเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ไข ซึ่งจะไม่ทันการณ์ และจะเสียหายมาก จนสถานการณ์อาจจะเลวร้ายเกินแก้ไขได้ ในขณะที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคไทยจะมองปัญหาล่วงหน้าและหาทางป้องกันปัญหาก่อนทุกครั้ง ถ้าจะนำประเทศผ่านวิกฤตนี้ นายกรัฐมนตรีต้องเตรียมการล่วงหน้า หากยังคงบริหารแบบเดิมๆ ก็อย่ายึดติดตำแหน่งเพื่อทำร้ายประเทศอีกเลย