รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร อดีตคณบดีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มองท่าทีและการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่มีต่อสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า เกิดจากความไม่เข้าใจและไม่พร้อมจะยอมรับฟังเหตุผล รวมถึงคำวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมที่มีต่อผู้มีอำนาจ
“เป็นคำพูดเชิงตำหนิผู้อื่น โดยคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่ทำดีที่สุดแล้ว” รศ.อัษฎางค์กล่าว
เขาระบุต่อว่า สังคมทุกวันนี้อยู่ภายใต้ความเป็นเผด็จการ ไม่ใช่สภาวะปกติของสังคมประชาธิปไตย ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการกระทำหรือวิพากษ์วิจารณ์และพูดความจริงได้อย่างเต็มที่ พล.อ.อภิรัชต์ ในฐานะ ผบ.ทบ.ควรมีแนวคิดที่จะรับฟังและยืนเคียงข้างประชาชน โดยแสดงบทบาทของการปกป้องประชาชน รักษากติกา ไม่ใช่แสดงอำนาจ
“ที่ท่านแสดงออกแบบนั้น เพราะท่านอยู่สบายไง” รศ.อัษฎางค์กล่าวถึงท่าทีของ ผบ.ทบ.
อดีตคณบดีรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวว่า ไม่มีวิธีปฏิบัติในรูปแบบซ้ายตกขอบเกิดขึ้นในเมืองไทย ตามคำกล่าวอ้างของ พล.อ.อภิรัชต์
“ซ้ายตกขอบไม่ใช่เลย ท่านไม่เข้าใจ มีแต่ขวาตกขอบ คอนเซอร์เวทีฟ สตรองคอนเซอร์เวทีฟ”
รศ.อัษฎางค์ ให้ความเห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการพูดความจริง กล้ายอมรับและมีเหตุผล โดยในสถาบันทหารและกองทัพ ต้องเปิดโอกาสให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการพัฒนา ฟังเหตุผลมากกว่าตัวบุคคล ยอมรับกติกาสังคมและเสียงข้างมาก หากยึดหลักการเหล่านี้ ทหารจะเป็นที่พึ่งพาของสังคมไม่ใช่ถูกกล่าวขวัญในทางตรงกันข้าม
“อย่ามาแบ่งพวก เพราะจริงๆ แล้วคณะผู้มีอำนาจนั่นแหละทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ใช่คนอื่น ท่านต้องเรียกที่ปรึกษาทั้งหลายมาพูดคุยว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างไร ยอมรับความจริงและออกมาสนทนาพาทีกับนักวิชาการคนอื่นเขาบ้าง เปิดโอกาสให้คนอื่นได้ถามอย่างตรงไปตรงมา อย่าโมโห ท่านจะได้รับความจริง”
นักวิชาการรายนี้บอกต่อว่า ประชาธิปไตยต้องยึดหลักการและวิธีปฏิบัติ เช่น ความเสมอภาค ความยุติธรรม สิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่กล่าวอ้างประชาธิปไตยแบบไทยๆ เพื่อกระทำการที่นอกเหนือจากหลักการ
“เขาไม่เข้าใจในประเด็นปัญหาอย่างแท้จริงและไม่ยอมรับความจริงในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นคำแก้ต่างของผู้มีอำนาจ”
เขาทิ้งท้ายว่า ในยุคสมัยของคนรุ่นใหม่ที่มีการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นกันได้อย่างรวดเร็ว หน้าที่ของกองทัพคือการรับฟังและชี้แจงแถลงไขอย่างมีเหตุมีผล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :