เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่รัฐสภา คณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ หรือ คปอ.ร่วมกับกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และองค์กรพันธมิตร นำโดยนางสาวณัฏฐา มหัทธนา ผู้ประสานงาน, นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง จาก คปอ.และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิ้น แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษา แห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึง ประธานคณะกรรมาธิการทหาร ผ่านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษา กมธ.ทหาร เพื่อขอให้ตรวจสอบปัญหาการบริหารงานในกองทัพ ที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน การใช้อำนาจมิชอบโดยผู้บังคับบัญชา และการขาดประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยของอาวุธ
นายโชติศักดิ์ ระบุถึงความสืบเนื่องจากกรณีกราดยิงในจังหวัดนครราชสีมา เหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงการทุจริต และประสิทธิภาพการบริหารงานในกองทัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. จึงต้องให้มีการตรวจสอบปัญหาการบริหารงานในกองทัพ ใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย
1.ทางกองทัพได้มีระบบการเก็บรักษาคลังอาวุธที่ได้มาตรฐานสากล และบริหารงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อกำจัดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือไม่ เพราะคนร้ายใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ในการปล้นเพื่อสะสมอาวุธภายในค่ายทหาร ก่อนออกไปก่อเหตุต่อประชาชน
2. กองทัพมีนโยบายห้ามปรามและควบคุมการประกอบธุรกิจในกองทัพ ซึ่งเปิดช่องให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในหมู่บุคลากรและกำลังพลอย่างไร โดยเฉพาะการหาประโยชน์จากที่ดินราชพัสดุ ตามที่เป็นข่าวเรื่องการจัดสรรขายโดยญาติของนายทหาร เพื่อหาประโยชน์จากส่วนต่างเงินกู้สวัสดิการ
3. ตรวจสอบการใช้อำนาจโดยมิชอบของผู้บังคับบัญชา ทั้งการทำการค้ากับผู้ใต้บังคับบัญชา หรือข่มขู่คุกคาม ลงโทษอย่างทารุณ ไม่เป็นธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชน ไปจนถึงการหักเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงแลพอื่นๆ
นายโชติศักดิ์ ยืนยันว่า ปัญหาข้างต้นมีมานาน และเกิดขึ้นภายใต้การบริหารของ ผบ.ทบ.ที่จะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ และถูกตรวจสอบ ร่วมกับการแสวงหาข้อเท็จจริงจากกำลังพลทุกระดับ รวมถึงทหารชั้นผู้น้อยที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้เสียหาย ที่ปรากฏว่ามีจำนวนมากตามที่ได้มีการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ โดยขอให้ กมธ.ทหาร เชิญ ผบ.ทบ., บุคคลที่เกี่ยวข้อง ผู้เสียหาย รวมถึงสื่อมวลชนที่ได้ทำข่าวเชิงสืบสวนมาให้ข้อมูล เพื่อให้สามารถจัดทำรายงานและมีข้อเสนอแนวทางการแก้ไขต่อสภาผู้แทนราษฎร ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปกองทัพต่อไป