นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เชื้อนิวโมคอคคัส คือ เชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีหลายสายพันธุ์ ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอของคน โดยเชื้อสามารถแพร่กระจายสู่บุคคลอื่นได้เหมือนโรคไข้หวัด โดยการไอ สิ่งสำคัญที่เป็นตัวการในการทำให้ติดเชื้อส่วนใหญ่มักมาจาก มือ ดังนั้นการล้างมือบ่อยๆจะเป็นการป้องกันได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้โรคไข้หวัดใหญ่และโรคปอดบวม เกี่ยวข้องกับเชื้อนิวโมคอคคัสเนื่องจากผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อนิวโมคอคคัสซ้ำซ้อน เช่น ปอดอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ แนะนำให้ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุควรได้รับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคนิวโมคอคคัสเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่
แพทย์หญิงวิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่อาจเสี่ยงเป็นโรคปอดบวมจากเชื้อนิวโมคอคคัส มีดังนี้ 1.อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 50 ปี 2.เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคเบาหวาน โรคปอดหรือโรคไต 3.ผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายอวัยวะ 4.ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี 5.โรคมะเร็ง 6. ภาวะม้ามไม่ทำงานหรือไม่มีม้าม 7.ใส่ชุดประสาทหูเทียม 8.น้ำไขสันหลังรั่ว 9.สูบบุหรี่ 10.โรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น
โดยสามารถสังเกตอาการของโรคปอดบวมได้ เช่น มีไข้ ไอ รู้สึกหนาวสั่น เจ็บหน้าอกหรือหายใจลำบาก
อย่างไรก็ตาม สามารถป้องกันได้โดยล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงชุมชนแออัด สวมหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจาม และควรสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อนิวโมคอคคัส ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้ความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคต่างๆ ของร่างกายเสื่อมถอยลง ทำให้มีโอกาสติดเชื้อนิวโมคอคคัสง่ายกว่าเมื่อเทียบกับคนวัยหนุ่มสาว
ดังนั้น การเสริมภูมิคุ้มกันก่อนการติดเชื้อจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เสมือนการสร้างเกราะป้องกันให้กับร่างกาย ก่อนเชื้อร้ายจะก่อโรครุนแรง
Photo by Piron Guillaume on Unsplash