นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 2/2562 (วันที่ 15 พ.ค.2562) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธ��นว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เพื่อให้บริหารจัดการทรัพย์สินของ รฟท. มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยบริษัทลูกจะทำหน้าที่จัดการที่ดินในเชิงพาณิชย์ให้แก่ รฟท. ซึ่งจะสามารถเพิ่มรายได้และแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ รฟท.
พร้อมกันนี้ ยังเห็นชอบการเพิ่มพันธกิจให้แก่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ที่ปัจจุบันมีพันธกิจในการบริหารโครงการ Airport Rail Link (ARL) ให้เป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีแดง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งจะเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและบุคลากรของ รฟฟท. ที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า
เนื่องจาก รฟฟท. มีประสบการณ์ในการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ โดยให้ปรับปรุงแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการหารายได้และทำกำไร และให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับติดตามการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและ รฟฟท. ให้มีประสิทธิภาพได้มาตรฐานเทียบเท่าเอกชน เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและตัวชี้วัดที่กำหนดโดยไม่เป็นภาระของภาครัฐในอนาคต
อีกทั้ง รฟท. ได้รายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ในเรื่องการพัฒนาทางคู่ ทางสายใหม่ รถไฟความเร็วสูง สถานีกลางบางซื่อ และรถไฟฟ้าสายสีแดง รวมทั้งเรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สิน และการจัดการด้านบุคลากร โดย คนร. ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท. เร่งจัดทำข้อมูลที่ดินให้ครบถ้วนและพัฒนาการบริหารจัดการที่ดินให้สร้างมูลค่าโดยเร็ว และให้มีคณะทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกำกับดูแลในการดำเนินการทั้งหมด
ติดตามแก้ปัญหารัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง
นอกจากนี้ คนร. ได้พิจารณาและรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรของรัฐวิสาหกิจ อาทิ
บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท จำกัด (มหาชน) ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้รายงานความก้าวหน้าในการควบรวม บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ซึ่งได้มีความชัดเจนในเรื่องข้อพิพาท เรื่องบุคลากร และเรื่องต่างๆ ตามที่ คนร. ได้มอบหมายแล้ว และคาดว่าจะสามารถควบรวมตามขั้นตอนกฎหมายได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2562 โดย คนร. ได้เห็นชอบในหลักการควบรวมกิจการของบมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด และให้กระทรวงดีอีเร่งนำเสนอ ครม. โดยเร็วต่อไป
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้รายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างบุคลากรใหม่และพัฒนาระบบการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน รวมทั้งได้นำน้ำมัน B20 มาใช้กับรถทั้งหมดแล้ว เพื่อลดมลพิษในกรุงเทพมหานคร และหาก ขสมก. สามารถจัดหารถโดยสารใหม่ได้ตามแผน ขสมก. จะสามารถมี EBITDA เป็นบวกได้ในปี 2566 โดย คนร. ได้รับทราบแผนฟื้นฟูกิจการและให้ ขสมก. นำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการให้ ครม. พิจารณาต่อไป
ส่วนรายละเอียดของแผนฟื้นฟูให้กระทรวงคมนาคมและ ขสมก. พิจารณาจัดทำดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ขสมก. เช่น การจัดหารถโดยสาร การจัดการพนักงาน และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เป็นต้น
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้รายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ในเรื่องการพัฒนาการให้บริการ การพัฒนาระบบการขาย การหารายได้เสริม และการลดต้นทุน รวมทั้งการจัดหาฝูงบินและโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงที่อู่ตะเภา เพื่อให้การบินไทยสามารถแข่งขันได้ และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้โดยสาร โดย คนร. มอบหมายให้ การบินไทยดำเนินการให้เป็นไปตามแผนเพื่อยกระดับการให้บริการและทำให้ผลการดำเนินงานมีกำไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :