เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 10 พ.ค. 2566 ที่ประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยภายใต้ชื่อ ‘เพื่อไทยแลนด์สไลด์ เชียงใหม่เปลี่ยนทันที’ เพื่อช่วยหาเสียงโค้งสุดท้ายให้ก้บผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย 10 เขต ประกอบด้วย เขต 1 จักรพล ตั้งสุทธิธรรม เบอร์ 1 เขต 2 โกวิทย์ พิริยะอานันต์ เบอร์ 10เขต 3 ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ เบอร์ 10 เขต 4 วิทยา ทรงคำ เบอร์ 10 เขต 5 จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เบอร์ 7 เขต 6 น.พ. ไกร ดาบธรรม เบอร์ 2 เขต 7 นิธิกร วุฒินันชัย เบอร์ 7 เขต 8 ณัฏฐ์พัฒน์ รัฐไผท เบอร์ 10 เขต 9 สุรพล เกียรติไชยากรเบอร์ 3 และ เขต 10 ศรีโสภา โกฏคำลือ เบอร์ 1

โดยมี เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โดยมีประชาชนร่วมรับฟังการปราศรัยแน่นเต็มลานประตูท่าแพ

จากนั้น จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เขต1 เบอร์1 ปราศรัยว่า 22 ปีที่รับใช้ จ.เชียงใหม่ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย เราถูกข่มขืนทางอนาคต พรรคเพื่อไทยจะพูดถึงอนาคต โดยฝุ่น PM2.5 ต้องหมดไป เราจะสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ จะให้ จ.เชียงใหม่ เป็นเมืองท่องเที่ยวมีสนามบิน โครงสร้างพื้นฐาน จะมี1 ครอบครัว 1 อาชีพใหม่ เราจะยกระดับรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 

“พอกันทีบัตรคนจน บัตรยากจน มีนายกฯ ชื่อเศรษฐา พาทุกคนให้เป็นเศรษฐี เพื่อไทยคือเชียงใหม่ เชียงใหม่ ประเทศไทยไม่ใช่ที่ทดลองงาน ต้องใช้สถาบันทางการเมืองที่แข็งแกร่ง เข้าไปแล้วทำงานรับใช้พี่น้องได้เลย ไม่ว่าคนรุ่นใหม่ รุ่นใหญ่ไว้ใน เพื่อไทย 14พ.ค. นี้ กาพรรคนั้นสองใบ บัตรสีม่วง กาจักรพลไปเป็น ส.ส.ของท่าน บัตรสีเขียวเบอร์ 29 พรรคเพื่อไทย” จักรพล ระบุ

ด้าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า 9 ปี ที่ผ่านมานายกฯ ที่อยากให้ประชาชนกลับบ้านที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปไหนก็ไปไม่ต้องกลับ การหาเสียงลงคะแนนอีก4 วัน พล.อ.ประยุทธ์ รู้ทุกอย่าง ไปเหนือจรดใต้ ยืนยันจะเป็นนายกฯ แต่ไม่กล้าพูดว่าจะชนะเลือกตั้ง นี่คือภาพสะท้อนความฉ้อฉล พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแน่ๆ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ แพ้แน่ๆ เขาจะสร้างเกมเดิมเมื่อ4 ปีก่อน เลือกความสงบจบที่ลุงตู่ บ้านเมืองจะสงบได้ไง ผู้สมัครพรรคคุณยังมาทวงเงินกันเลย 

“ศึกนี้ถ้าเป็นมวยฝ่ายประชาธิปไตยต้องชนะน็อกเท่านั้น เพราะกติกา 250 ส.ว. ไว้ใจไม่ได้ กกต.ก็ไม่น่าไว้ใจ ผมเห็นเอาบัตรลงคะแนนใส่เข่งเลิกไว้ใจ ไม่รู้ไปดูงานจากไหนไม่มีความโปร่งใสมีแต่ความเคลือบแคลงใจ ต่อให้เราไล่ถลุง พล.อ.ประยุทธ์กับพวก เราต้องชนะน็อกอย่างเด็ดขาด หมัดสุดท้าย 14 พ.ค. ไม่มีใครพูดถึงพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร หมัดสุดท้าย เล็งดีๆจะเป็นหมัดน็อกหรือให้เขาอยู่นานๆ ถ้าหมัดน็อกต้องกาพรรคเพื่อไทย 2ใบ เที่ยวนี้ พล.อ.ประยุทธ์ หลับยาว” ณัฐวุฒิ ระบุ

ณัฐวุฒิ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยสู้มานานและตลอดกาลตลอดไป พรรคการเมืองนี้เผชิญรัฐประหาร2 ครั้ง ยุบพรรค2 ครั้งถ้าไม่สู้ประชาชนจะโอบอุ้มแบบนี้ได้อย่างไร เรามี ส.ส.ถูกจำคุกเพื่อสู้ประชาธิปไตย ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเราจะยืนหลักการประชาธิปไตยเหมือนประชาชนยืนข้างพรรคเพื่อไทยตลอดมา เราไม่กังวลความยิ่งใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีอิทธิพลในกองทัพ เราเชื่อมั่นกองทัพมีหัวใจประชาธิปไตยส่วนใหญ่

ณัฐวุฒิ ระบุว่า “คนเชียงใหม่ มีเสื้อสีแดงอีกตัว ผมแน่ใจคนเขียงใหม่เคยใส่เสื้อสีแดงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมแน่ใจเสื้อสีแดงตัวนั้นจะยังอยู่ในตู้เสื้อผ้า ผมมั่นใจเสื้อสีแดงตัวนั้นจะห่อหุ้มตัวท่านไปอีกนานแสนนาน คนในพรรคเพื่อไทยที่เคยวิ่งหนีกระสุนปืน ถูกเขาไล่ยิงไล่ฆ่าถูกจับกุมมาด้วยกัน พี่น้องยังจำวันเวลาและเสื้อตัวนั้นได้ไหม หยิบเสื้อตัวนั้นมาโอบกอดไว้อีกครั้ง เราจะทำศึกใหญ่เพื่อไล่เผด็จการอีกครั้ง เผด็จการที่เคยย่ำยีถึงเวลาเอาคืน ชนะด้วยกันไหมประชาชน คนเสื้อแดงยังอยู่ไหม โห่ร้องให้ได้ยิน บอกพี่น้องเราโห่ร้องให้พี่น้องเรา ชนะอย่างเด็ดขาด ปักธงประชาธิปไตย เอานโยบายพรรคเพื่อไทยมาแก้ปัญหา”

จากนั้น แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย วิดีโอคอลร่วมเวทีปราศรัยว่า คิดถึงชาวเชียงใหม่ขอส่งใจไปก่อน ดีใจทุกคนมากันวันนี้พรรคเพื่อไทยเห็นศักยภาพคนเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยอยากใช้ประสบการณ์ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน วันนี้ที่พี่น้องฟังอยู่อาจไกลเกินไป

แพทองธาร ย้ำว่า วันนี้ชาวเชียงใหม่ยังแสดงความรักต่อพรรคเพื่อไทยมาร่วมเวทีปราศรัยจำนวนมาก และยังชูนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรีเริ่มที่ 25,000 บาท ก่อนย้ำอยากใช้ประสบการณ์บริหารประเทศตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย วันนี้ประชาชนฟังอาจดูไกลเกินไป เพราะ 9 ปีที่ผ่านมาประชาชนอาจหมดหวัง แต่วันนี้ที่พรรคเพื่อไทยมาแล้ว เอาความหวังที่ไม่ลมๆ แล้งๆมาให้ชาวเชียงใหม่ และคนไทยทั้งประเทศ

แพทองธาร บอกต่อว่า หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ย้ำจะทำนโยบายให้สำเร็จ รวมถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเชียงใหม่และปัญหา PM2.5 ที่ ส.ส. เพื่อไทยเคยเสนอกฎหมายอากาศสะอาด จึงขอประชาชนทุกคนมั่นใจเข้าคูหากาเบอร 29 ทั้ง 2 ใบแลนด์สไลด์ที่เชียงใหม่ พร้อมกล่าวถึงเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา แม้คนใช้สิทธิเยอะแต่ยังเปิดปัญหาความสับสน จึงแนะทำการบ้านศึกษาเรื่องการลงคะแนนไปก่อน ต่อจากนี้นับถอนหลัง อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง 

“ดิฉันรอวันพาลูกๆ 2 คนไปเที่ยวที่เชียงใหม่ หวังว่าหากได้เจอตามร้านก๋วยเตี๋ยวต่างๆ ขอให้เข้ามาทักทายถ่ายรูปกัน หลังเลือกตั้งเจอกันที่เชียงใหม่ วันนี้ยินดีมากได้ปราศรัยผ่านซูมขอทุกคนรักษาสุขภาพ” แพทองธาร ระบุทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ได้ขึ้นเวทีเพื่อเป็นพิธีกร ซักถาม เศรษฐาบนเวที โดยคำถามแรกที่ ณัฐวุฒิได้ถาม เศรษฐาคือ พร้อมเป็นนายกฯหรือไม่ เศรษฐาบอกว่าพร้อม

โดยเศรษฐาระบุว่า 8 ปีที่ผ่านมา ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนปราศรัยไปแล้ว เรื่องค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เป็นแรงบันดาลใจให้ตนเข้าสู่สถาบันการเมือง ถ้าพรรคเพื่อหทยได้จัดตั้งรัฐบาบความยากจนหมดไป การประชุม ครม.นัดแรกลดค่าไฟ พร้อมเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้ประชาชนเลือกมาเลย โดยไม่จำเป็นต้องไม่เป็นทหารแล้วถูกกล่าวหาชังชาติ 

ณัฐวุฒิ ระบุว่า คนเขาบอกว่าใหม่ๆ แบบนี้รับมือไหวหรือไม่ โดยเศรษฐาระบุว่า หนี้ครัวเรือนหนี้สาธารณะการจัดเก็บภาษีตัวเลขเหล่านี้น่ากลัว ตนเป็นผู้นำภาคอุตสาหกรรมเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทที่มีทรัพย์สินแสนล้านบาท ตนเดินมาเข้าพรรคเพื่อไทยที่เป็นสถาบันทางการเมืองมา20 ปี ตนมาพร้อมทีมงานพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในนี้ สมัยก่อนตอนเป็นซีอีโอคนเข้าใจมีอำนาจเบ็ดเสร็จ มันไม่ใช่อย่างนั้น มันต้องมีทีมเวิร์ค ต้องคุยเจ้าหน้าที่ระดับสูงสร้างทีมเวิร์คด้วย

ณัฐวุฒิ ถามว่าการถูกแจ้งความดำเนินคดีถ้าเป็นนายกฯ และมีคนชุดเขียวจ้องหน้าเศรษฐาด้วย เศรษฐา ระบุว่า เป็นนักธุรกิจ30 ปีชีวิตสบายมีลูกบรรลุนิติภาวะ ถ้าตนรักสบายคงไม่ข้ามเส้นนักธุรกิจมาเป็นนักการเมือง ถ้าก้าวข้ามมาแล้วไม่มีคำว่ากลัว 

“ถ้ามีคนใส่ขุดทหารเขียวๆ เอาปืนมาจี้ผมไม่กลัว สมัยรัฐประหารปี 2557 ผมเป็นนักธุรกิจแรกๆที่ถูกเชิญไปกรมทหาร มีทหารถือปืนเอ็ม16 ผมเป็นคนไทย เวลาจะบินนอกประเทศต้องขออนุญาต เขาเอารถฮัมเมอร์จอดหน้าบ้านตอนผมอยู่เมืองนอก มีแม่ผมอยู่อายุ80 ปี มาขู่เข็ญคุณแม่อายุ80 ปี ตรงนี้ทำให้ผมเดินหน้าเข้าสู่การเมืองหรือไม่ ตนมั่นใจเรามีหัวใจแข็งแกร่งเหมือนคุณแพทองธาร” เศรษฐาระบุ

จากนั้นเศรษฐา ระบุว่า บางพรรคเสนอแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว ทำให้ถูกร้องถือหุ้น โดยพรรคเพื่อไทยถ้าเสนอ1 คนจะเป็นการชี้เป้าเตะตัดขาเราได้ ดังนั้น แคนดิเดตนายกฯ 3 คนมีความรักความเข้าใจทำงานเป็นทีมไทยแลนด์

ถามถ้าพรรคเพื่อไทยได้ที่หนึ่ง แต่มีคนบอกว่าถ้าพรรคเพื่อไทยที่หนึ่งคือจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ โดยเศรษฐา คำถามนี้ถามแต่วันแรก ตนเป็นมือใหม่ทรงการเมือง คู่แข่งของตนไม่ใข่พรคคการเมืองแต่คือคู่แข่งความยากจน ความไม่เสมอภาค จนกระทั่งสื่อหลายคนบอกว่าเป็นอะไรทำไมพูดจาชัดเจนที่บอกว่าตนพูดจาด้อยค่า ตนเป็นนักธุรกิจมีหัวใจประชาธิปไตย เอาปืนมาจี้พรรคการเมืองที่ประชาชนให้ความคารพ เอาปืนมาจี้มาขังในวังวนความคิด ถ้าตนเป็นนายกฯแล้วบอก พล.อ.ประยุทธ์ เอารถถังกี่คัน ตนจินตนาการไปไม่ถึง

“อย่าว่าจับมือเราจะเป็นพรรคหลัก ตั้งรัฐบาล เราจะยึดพรรคการเมืองนโยบายประชาธิปไตยเราจะต่อสู้ไปด้วยกัน” เศรษฐา ระบุทิ้งท้าย

เศรษฐาระบุว่า ปีที่พรรคไทยรักไทยชนะ377 เสียงจาก500 เสียง นายกฯชื่อดร.ทักษิณ ชินวัตร ลูกหลานเชียงใหม่มีความหวังมีแรงบันดาลใจ มีวิสัยทัศน์

“8 ปีที่ผ่านมาผมว่าแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่ว่ารายได้ลด วันที่ 14 พ.ค.นี้ ต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ ถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเราเข้าคูหากาเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ให้ได้คะแนนเสียงส่วนมากเพื่อให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ถ้าได้ ส.ส.ครึ่งหนึ่ง ส.ว.ควรโหวตให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ต่อให้เพื่อไทยได้ 251 คน ผมเชื่อว่า ส.ว.ก็ไม่ทำตามฉันทามติของประชาชน ดังนั้น เป็นความจำเป็นจะต้องได้ 300 เสียงขึ้นไป ต้องเดินหน้าด้วยขาตัวเองโดยไม่ต้องพึ่ง ส.ว. 251 เสียงไม่พอ เราตัองการมากกว่านัั้น 376 เสียงยิ่งขึ้น นายกฯ 3 คน ของพรรคเพื่อไทย เราอยากเป็นนายกฯของคนไทยทุกคนของคนไทยทุกค่าดูแลจิตใจพี่น้อง เราไม่อยากดูแลพี่น้อง เพื่อไปต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล” เศรษฐา ระบุ