วันที่ 23 มิ.ย. 2565 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาวาระตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ฉบับที่ 3 ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถามเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจโดยเฉพาะเงินเฟ้อ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ซึ่งมอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเป็นผู้ตอบ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ได้มอบหมายให้ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมาตอบ และได้มีหนังสือแจ้งมาว่าไม่สามารถมาตอบได้ เพราะติดภารกิจ โดย พิธา กล่าวว่า ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อที่ 151 ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องเข้าร่วมประชุมสภาเพื่อต่อกระทู้ด้วยตนเอง เว้นแต่มีเหตุจำเป็น พร้อมต้องแจ้งเหตุจำเป็นนั้นต่อประธานสภา และให้กำหนดด้วยว่าจะตอบได้เมื่อใด พรรคร่วมฝ่ายค้านยินดีตั้งคำถามติเพื่อก่อ เพื่อให้แนวทางของรัฐบาลมีความเข้าที่เข้าทาง

"เรื่องค่าครองชีพผันผวน รายได้ที่หดหายตลอดเวลา วิกฤตพลังงานและอาหารต่างๆ ที่สูงเป็นประวัติ คิดว่าเป็นเรื่องที่คนเดินดินกินข้าวแกงกำลังรออยู่ ไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรให้รัฐสภาของเรามีประเพณีใหม่ ที่เวลาตั้งกระทู้ถามต้องมีนายกรัฐมนตรีมาตอบ เพราะผมเป็น ส.ส. มา 4 ปี ก็ยังไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีมาตอบเรื่องนี้" พิธา กล่าว

ขณะที่ สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมในขณะนั้น ระบุว่า เข้าใจดีในเจตนา ตนเองก็จะเตือนฝ่ายรัฐบาลเสมอว่าต้องให้ความสำคัญกับการประชุมสภาฯ วันพุธและวันพฤหัสบดีควรว่างเว้นจากการนัดหมาย สำหรับกระทู้ถามสดด้วยวาจา ส่วนสาเหตุที่ไม่มาประชุมระบุว่า เนื่องจากนายกฯ ติดภารกิจสำคัญจึงขอเลื่อนการตอบกระทู้

ทำให้ พิธา ท้วงติงอีกครั้งว่า หากนายกฯ มีเหตุจำเป็นก็ควรอธิบายสาเหตุที่มาตอบกระทู้ไม่ได้จริงๆ เพราะเหตุใด การตอบเพียงว่าติดภารกิจสำคัญคงไม่ชัดเจนเพียงพอ และตามข้อบังคับ 151 ควรต้องระบุกรอบเวลาด้วยว่า จะกลับมาตอบกระทู้ในรัฐสภาเมื่อใด

จากนั้น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวต่อว่า การมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แต่เป็นคนที่ไม่ว่างมาตอบ ถือเป็นกระบวนการที่รับไม่ได้ และกระทู้ถามเป็นเรื่องที่พรรคร่วมฝ่ายค้านให้ความสำคัญยิ่ง จึงอยากให้ ครม. ให้ความสำคัญด้วย 

"ไม่มีครั้งไหนเลยที่ ครม. ไม่มาตอบกระทู้ของฝั่งรัฐบาล อาจจะด้วยนัดหมายกันล่วงหน้าหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ แต่กระทู้ของฝ่ายค้านพลาดนัดกันบ่อยมาก และเป็นการเสียสิทธิของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบการทำงานของ ครม." จุลพันธ์ กล่าว

สุชาติ ระบุว่า สำหรับกรณีที่ พิธา ท้วงติงมา ตนเห็นว่ามีเหตุผล ตนก็เคยท้วงติง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยไปว่า การมอบอำนาจนั้น ควรถามความสะดวกของผู้รับมอบด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่ามอบ จึงขอฝากไปยัง ครม. ว่าควรให้เกียรติรัฐสภาด้วย

"ขอกำชับอีกครั้ง เรื่องการมอบหมาย อย่าสั่งเหมือนทหาร คือสั่งไปแล้วก็จบกัน สั่งเหมือนพวกเรานักการเมืองหน่อย สอบถามกันหน่อยว่าว่างหรือไม่ว่าง ตอบได้หรือไม่ อย่างนี้ถึงเรียกว่ามอบหมาย ถ้าสั่งอย่างเดียว ไม่มีคนมาตอบ อย่างนี้ไม่เรียกมอบหมาย อย่างนี้ผมถือว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อสภาฯ" สุชาติ กล่าว