ไม่พบผลการค้นหา
‘ชวลิต’ เผยชาวบ้านคัดค้านนโยบายขายที่ดินให้ต่างชาติ ชี้คนไทยยังไร้ที่ดินทำกินจำนวนมาก วอนรัฐบาลทบทวนนโยบายให้ต่างชาติถือครองที่ดินเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ เตรียมเชญ มท.1-อธิบดีกรมที่ดิน แจงนโยบายขายที่ดินให้ต่างชาติ

วันที่ 31 ก.ค. 2565 ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ระบุกรณีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยโฆษกรัฐบาลได้แถลงว่า รัฐบาลมีนโยบายจะให้ต่างชาติถือครองที่ดิน ที่อยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ โดยต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี ทั้งนี้ เพื่อดึงดูดนักลงทุนมากระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่างกฎกระทรวงมหาดไทย โดยจะให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือน ก.ย. 2565 นั้น

ชวลิต กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในจังหวัดนครพนมมีชาวบ้านทั่วไปจำนวนมาก หรือแม้กระทั่งพระสงฆ์ก็เข้ามาปรารภว่า ปัจจุบันยังมีคนไทยจำนวนมากไร้ที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ถ้าอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดิน ที่อยู่อาศัยได้มากเข้า ๆ แล้วในอนาคตคนไทยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ๆ จะมีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยกันอย่างไร ทางที่ดีรัฐบาลควรวางแผนจัดที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนทั่วประเทศจะดีกว่า ส่วนการดึงดูดนักลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ควรใช้มาตรการอื่น ไม่ควรใช้วิธีการขายที่ดินให้ต่างชาติ

บางคนพูดแรงถึงขนาดใช้คำพูดว่า จะ "ขายชาติ" กันแล้วหรือ และเมื่อตรวจสอบการถือครองที่ดินในประเทศไทยพบว่า ประเทศไทยมีพื้นที่กว่า 320 ล้านไร่ ขณะที่ข้อมูลสัดส่วนการถือครองที่ดินของหลายสำนักตรงกันว่า 3 ใน 4 ของจำนวนคนไทยไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินใด ๆ เลย โฉนดที่ดินประมาณ 80% อยู่ในมือของคนประมาณ 20% ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ 80% ถือครองที่ดินรวมกันประมาณ 20% นับเป็นความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นได้อย่างชัดเจน รัฐบาลควรให้ความสนใจและแก้ไขปัญาหาดังกล่าวจะเหมาะสมกว่า

ชวลิต ระบุในประเด็นสำคัญว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยทุกภาคที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมพัฒนาชาติไทย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 เพื่อยุติสงครามความขัดแย้งภายในประเทศที่ยืดเยื้อยาวนานนับสิบปีให้หมดลงไป แล้วมาร่วมกันพัฒนาชาติไทย ที้งนี้ โดยมีเงื่อนไขหลายประการที่รัฐบาลในขณะนั้นมอบให้ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ซึ่งหนึ่งในหลายเงื่อนไขที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน คือ ปัญหาที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย

ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย เป็นปัญหาอมตะนิรันดร์กาลที่แก้ไขได้ยากอย่างยิ่ง เพราะเป็นทั้งปัญหาข้อกฎหมาย และปัญหาข้อเท็จจริง ที่สำคัญมีหน่วยงานทึ่รับผิดชอบหลายหน่วยที่ต่างก็มีกฎหมาย มีอาณาจักรของตนเอง การบูรณาการงานต่างกระทรวงเป็นไปด้วยความยากลำบาก

จากข้อมูลโดยสังเขปดังกล่าวข้างต้น จึงขอให้รัฐบาลได้พิจารณาทบทวนนโยบายให้ต่างชาติถือครองที่ดินเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ เพราะได้ไม่คุ้มเสีย ในขณะเดียวกันรัฐบาลควรให้ความสำคัญในปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยของประชาชนคนไทย ยกตัวอย่าง เช่น ที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กำลังศึกษาอยู่เพื่อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาต่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

ชวลิต กล่าวในที่สุดว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการ คราวหน้า ตนจะเสนอที่ประชุมให้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมที่ดิน มาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการ ฯ ถึงความจำเป็นที่จะมีนโยบายให้ต่างชาติถือครองที่ดิน รวมทั้งจะเรียนให้ท่านทราบว่า มีประชาชนคัดค้านและขอให้ทบทวนนโยบายดังกล่าวจำนวนมาก 

"ผมในฐานะผู้แทนประชาชนก็จะร่วมคัดค้านด้วยผู้หนึ่ง เพื่อให้รัฐบาลหันมาให้ความสำคัญกับนโยบายจัดที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ให้กับคนไทยจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาขนมากกว่า"