11 พ.ค. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัวแทนเครือข่ายคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลง พร้อมด้วย ทะลุฟ้า-ไอลอว์-People Go และ สมาคมคนรุ่นใหม่กับนวัตกรรมทางสังคม (SYSI) ยื่น 1.2 ล้านรายชื่อรณรงค์ถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งคณะ เนื่องจากมีเหตุจัดการเลือกตั้งผิดพลาดส่อทุจริต

ในช่วงหนึ่ง มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่าง ไผ่-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้า และ พิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. ถึงกรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด กกต. ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องทำให้การขนส่งบัตรเลือกตั้งจากประเทศนิวซีแลนด์ไม่ถูกนับคะแนน โดย พิศิษฐ์ ย้ำว่า การเยียวยาความเสียหายจากผลการเลือกตั้งครั้งนั้น ไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าได้ ขณะที่บทบาทของ ป.ป.ช. ก็ทำได้เพียงลงโทษผู้รับผิดชอบเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จตุภัทร์ เห็นว่า ในคดีทุจริตสามารถลงโทษทั้งทางอาญา และทางแพ่งได้ ขึ้นอยู่กับการตีความกฎหมายโดย ป.ป.ช. ว่าเจตนาของ กกต. สุจริตหรือไม่ เพราะประชาชนตั้งความหวังไว้มากกับการเลือกตั้งครั้งนี้ 

จตุภัทร์ ยังระบุผ่านผู้สื่อข่าว ‘วอยซ์’ ว่า กกต. ต้องทำให้การเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. ที่จะถึงนี้เป็นเรื่องจริงจัง ไม่ใช่เห็นปัญหาในการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 7 พ.ค. แล้วก็ปล่อยปละละเลยไป หลักการตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม กกต. กลับมีพฤติกรรมที่ส่อให้เห็นเจตนา ไม่มีการอบรมฝึกฝนกรรมการประจำหน่วย (กปน.) และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการได้อย่างดีพอ ตนได้เข้าไปสังเกตการณ์ในบางหน่วยเลือกตั้ง พบว่าเจ้าหน้าที่ขาดความรู้ความเข้าใจ ตอบคำถามต่างๆ ไม่ได้ องค์กรที่จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์เที่ยงธรรม แค่รักษาหลักนี้ไว้ยังทำไม่ได้ แล้วจะเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทำไม เรื่องนี้สำคัญมาก 

“ในปี 2562 ต้องยอมรับว่า กกต. มีปัญหาในการจัดการเลือกตั้ง ทั้งเรื่องสูตรคำนวณ การแบ่งเขตต่างๆ กกต. มาจาก สนช. ซึ่งมาจาก คสช. การแต่งตั้งนี้ก็เพื่อรักษาอำนาจ ในปี 2562 เขาออกสูตรเลือกตั้งแบบหนึ่งเพื่อจัดการกับพรรคเพื่อไทย ในปี 2566 เขาออกสูตรคำนวณอีกแบบเพื่อจัดการกับพรรคก้าวไกล เพื่อให้พรรคเล็กไม่ได้ประโยชน์ เลือกตั้ง 2 รอบ กกต. ชุดเดียวกัน แต่สูตรคำนวณต่างกัน ทำไมจึงเกิดอะไรแบบนี้ ทำไมการเลือกตั้งแต่ละครั้งเราไม่เคยปกติ ต้องมาเรียนรู้ใหม่ว่ามีปัญหาแบบไหน”

จตุภัทร์ ยืนยันว่า เจตนารมณ์แบบนี้ไม่ทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์เที่ยงธรรม แต่มีเจตนาทุจริต เอื้อประโยชน์ฝ่ายตัวเอง ขณะนี้กระแสของฝ่ายอนุรักษนิยมกำลังตกต่ำมาก จึงต้องใช้เครื่องมือที่มีอยู่ คือ กกต. และหลังเลือกตั้งก็ยังมี ส.ว. และศาล ดังนั้น ประชาชนต้องร่วมมือกันเพื่อทำให้การเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. นี้ สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนให้มากที่สุด ด้วยการสร้างวัฒนธรรมการตรวจสอบ มาร่วมเป็นอาสาสมัครจับตาการเลือกตั้ง เริ่มจากตรวจสอบองค์กรที่จัดการเลือกตั้งก่อน

“เราเชื่อว่าถ้าสังคมนี้เป็นปกติ องค์กรอิสระเป็นอิสระจริง ทำตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญจริง จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์เที่ยงธรรม เราคงไม่ต้องออกมาทำอะไรแบบนี้ ประชาชนแค่รอออกมาใช้สิทธิแล้วกลับบ้านมานั่งฟัง แต่วันนี้ไม่มีใครมั่นใจกับ กกต. เราต้องช่วยกันทำอะไรสักอย่าง เราก็ใช้กลไกตามกฎหมายทุกอย่าง แต่ก็ไม่เคยเป็นผล เราต้องสร้างวัฒนธรรมการตรวจสอบเพราะประชาชนไว้ใจองค์กรเหล่านี้ไม่ได้” จตุภัทร์ กล่าว