ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการอภิปรายตามมาตรา 152 ในภาพรวม ว่า ขอบคุณฝ่ายค้านที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล หลายเรื่องก็ถือว่าสั่งสมมานาน รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาอยู่ และจะนำไปสู่นโยบายต่างๆของพรรคการเมืองในรัฐบาลหน้า เพราะรัฐบาลนี้คงทำไม่ทันแล้ว โดยเฉพาะธุรกิจสีเทา รัฐบาลพยายามปราบปรามมานานแล้ว แต่ที่เป็นข่าวเยอะ เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เอาจริงเอาจังในการจับกุมดำเนินคดี ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ทำมานานแล้วเป็น 10 ปีไม่ใช่เพิ่งจะมามีในสมัยนี้ ซึ่งถือเป็นปัญหาเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ต้องมีปัญหา แต่เราก็ต้องแก้ที่กฎหมายกฎระเบียบเพื่อที่จะลดปัญหาเหล่านี้
ส่วนที่ธุรกิจสีเทาให้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง ชัยวุฒิ ระบุว่า ตนไม่ทราบ ต้องให้ กกต.ไปตรวจสอบ ผิดถูกว่าไปตามกฏหมายเรื่องของกฎหมายและระเบียบที่เอื้อให้เกิดธุรกิจสีเทา ซึ่งกฎหมายบางครั้งที่ปฏิบัติไม่ได้จริง
ดังนั้นหน้าหน้าที่คือ ต้องนำกฎหมายกฎระเบียบมาดูสิ่งใดที่ล้าสมัย ก็นำมาปรับปรุงเพื่อให้ใช้ได้จริงอะไรที่ล้าสมัยก็ปรับปรุงแก้ไขให้ธุรกิจไปได้โดยไม่ต้องจ่ายส่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราผลักดันเรื่องนี้และจะนำไปพูดคุยในพรรคพลังประชารัฐอยู่
เมื่อถามว่า ประเด็นดังกล่าวนี้จะส่งผลในตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งหรือไม่ ชัยวุฒิ ระบุว่า ธุรกิจสีเทามีมาทุกยุคสมัย และจะวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจ ในอดีตนายกฯ ทุกคน ก็มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกยุคทุกสมัย แต่ยืนยันได้ว่าทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาเหล่านี้ ส่วนที่มีภาพปรากฏว่าไปถ่ายรูปกับคนดังๆ ก็ทำมาทุกยุคทุกสมัยในอดีต และธุรกิจที่เติบโตมาจนถึงขณะนี้ไม่ใช่เพิ่งจะเติบโตในยุคสมัยนี้ ทำกันมานานแล้ว
ส่วนกรณีที่มีภาพของนักธุรกิจจีนที่ทำธุรกิจสีเทา ถ่ายภาพที่ป่ารอยต่อฯ ร่วมกับ พล.อ.ประวิตร นั้น ชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนักการเมืองด้วย เช่นเดียวกันตนเวลาไปงานถ่ายภาพ เราก็ไม่รู้ว่าใครทำธุรกิจสีขาวหรือสีเทา และเชื่อว่าพล.อ.ประวิตร ก็ไม่รู้จัก เพราะเจอคนทั้งวัน เพราะให้โอกาสคนรับฟังความคิดเห็นของทุกคนมีคนเข้ามาหาทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ขอให้ความเป็นธรรมพลเอกประวิตรด้วย
ส่วนพระราชกำหนดปราบอาชญากรรมไซเบอร์ จะมีส่วนช่วยตามคดีเส้นทางทางการเงินของธุรกิจสีเทาได้หรือไม่ ชัยวุฒิ ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวจะสามารถติดตามเส้นทางทางการเงินที่ผิดกฎหมายได้ แต่ต้องยอมรับว่าประเทศอื่น การขายของทางออนไลน์เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตามการใช้ช่องทางที่ผิดกฎหมาย ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหาคือการออกกฏหมาย ให้รัฐบาลมีอำนาจในการอายัดบัญชีที่ต้องสงสัยเกี่ยวกับบัญชีที่ผิดกฎหมายโดยเข้าไปหยุดบัญชีที่ผิดกฎหมายก่อนภายใน 7 วันหากเจ้าของบัญชีทำธุรกิจถูกต้องก็สามารถแจ้งยืนยันว่าตนทำธุรกิจถูกต้องก็จะเปิดให้ใช้บัญชีได้ และหากธุรกิจสีเทาทำเรื่องนี้ก็จะยุติเองเพราะเราจะระงับบัญชี และอยู่ไม่ได้ในที่สุด ซึ่งพระราชกำหนดฉบับนี้ นี้อยู่ระหว่างการวางมาตรการต่างๆเพราะผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมเเตือนประชาชนที่รับจ้างเปิดบัญชีม้าขนาดนี้มีโทษหนัก จำ จำคุก3ปีปรับ 3 หมื่นบาท ใครที่รับจ้างให้ไปยกเลิกไม่เช่นนั้น มีความผิดทันที