พรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อม ส.ส. 7 คนและคณะทำงาน ลงพื้นที่เขตคลองเตย ชุมชนโรงหมูและใกล้เคียงเพื่อสอบถามปัญหา นำสู่การมาตราการช่วยเหลือ พร้อมมอบปัจจัยจำเป็นในการป้องกันไวรัส โควิด-19
นายพิธา ระบุว่า ชุมชนย่านคลองเตยเป็นตัวอย่าง ชุมชนแออัดในตัวเมือง ที่จะดำเนินมาตรการ Social Distancing ได้ยาก เพราะเป็นชุมชนแออัดแต่ละครอบครัวอยู่ด้วยกันหลายคน จำเป็นดูแลสุขภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามเงื่อนไข ทั้งพบปัญหาตกหล่นในการลงสำรวจและลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท ซึ่งตามทะเบียนราษฎรนั้นชุมชนโรงหมูมี 200 ครัวเรือน แต่ข้อเท็จจริงคือมีมากกว่า 500 ครัวเรือน หลายคนไม่มีหรือใช้โทรศัพท์มือถือไม่เป็นจึงไม่ได้ลงทะเบียน และจำนวนมากมีปัญหาเรื่องการระบุอาชีพ เพราะเปลี่ยนหลายอาชีพ
นายพิธา เสนอให้ภาครัฐเปลี่ยนวิธีคิดในการเยียวยา ซึ่งไม่ควรคัดกรอง แต่ควรเยียวยาแบบถ้วนหน้าในห้วง 3 เดือนนี้ อย่างในหลายประเทศที่ได้ดำเนินการไปแล้วและกำลังจะดำเนินการ นอกจากนี้ยังต้องตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และการละเมิดในเด็กในช่วงนี้ ซึ่งชุมชนแถบนี้ได้ปิดศูนย์เลี้ยงเด็ก ที่มีอยู่ 3 แห่งในพื้นที่ ขณะที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงาน จึงเป็นสถานการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นและต้องปรับตัวรับมือ ซึ่งทางพรรคลงพื้นที่นอกจากมาให้กำลังใจและพร้อมจะเป็นกระบอกเสียงให้แล้ว ยังจะรับฟังปัญหาต่างๆ ว่าจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง และถ้าเป็นอย่างนี้ไปอีกในระยะยาวจะขบคิดว่ามีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เรียกร้องให้ภาครัฐให้ความสำคัญ กับชุมชนแออัด ที่มีผู้ป่วยติดเตียง เข้าถึงการรักษาได้ยากโดยเฉพาะช่วงนี้ และย้ำถึงความรุนแรงต่อเด็กและรวมถึงความรุนแรงในครอบครัว โดยข้อมูลจากต่างประเทศทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส พบความรุนแรงในครอบครัวและละเมิดทางเพศต่อเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งแม้ว่าในไทยไม่ปรากฏเป็นข่าว แต่เชื่อว่าความรุนแรงในครอบครัวไม่ได้ลดลง เพียงแต่สังคมและสื่อมวลชนโฟกัสไปที่จุดอื่น โดยขอให้ภาครัฐจับตาและต้องอาศัยสาธารณสุขชุมชน ทั้ง อสม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดูแลเรื่องนี้