เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2562 ที่ประชุมสภาปุตราจายาของมาเลเซีย พิจารณาความคืบหน้าการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และได้มีการสอบถามความคืบหน้าโครงการสร้างกำแพงล้อมรั้วชายแดนไทยและมาเลเซีย ซึ่งเริ่มเจรจากันตั้งแต่เดือน ก.ย.2559 ในสมัยของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ผู้นำมาเลเซีย และรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ของไทย
สื่อมาเลเซียรายงานว่า ในครั้งนั้น คณะทำงานชายแดนไทย-มาเลเซียได้หารือและเห็นชอบร่วมกันในเบื้องต้น ว่าจะผลักดันให้ก่อสร้างแนวกำแพงกั้นระหว่าง 2 ประเทศ ความยาวประมาณ 11 กิโลเมตร ตามแนวชายแดนจังหวัดภาคใต้ของไทยกับมาเลเซีย เพื่อสกัดกลุ่มอาชญากรรมและการลักลอบเข้าเมือง
หลังจากนั้น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เดินทางเยือนมาเลเซียเพื่อพูดคุยด้านความร่วมมือต่างๆ ซึ่งรวมถึงโครงการล้อมรั้วชายแดนด้วย
อย่างไรก็ตาม ดร.วัน อาซีซะห์ วัน อิสมาอิล รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงต่อที่ประชุมสภาว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน อาจพิจารณาทบทวนโครงการดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากประเมินแล้วพบว่าจะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก พร้อมระบุว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างกำแพง 1 กิโลเมตร คิดเป็นเงินกว่า 1 ล้านริงกิต (ประมาณ 10 ล้านบาท) จึงยังไม่อาจสรุปได้ว่าทั้งสองประเทศจะจัดสรรงบประมาณเพื่อร่วมกันรับผิดชอบการก่อสร้างกำแพงอย่างไร
รองนายกฯ มาเลเซียยกตัวอย่างกรณีสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติม โดยระบุว่าแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องการสร้างกำแพงกั้นระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก แต่ก็ยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกับเม็กซิโกได้ แม้จะมีความพยายามเจรจากันมาตลอด นับตั้งแต่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเมื่อปี 2559 เป็นต้นมา
ในกรณีของไทย ดร.วัน อาซีซะห์ เห็นว่าควรจะรอจนกว่าไทยจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้สำเร็จแล้วค่อยทบทวนการเจรจาความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศอีกครั้งหน่ึง
การที่รัฐบาลมหาเธร์พิจารณาทบทวนโครงการที่อดีตนายกฯ มาเลเซียคนก่อนหน้าเคยเห็นชอบหรือผลักดัน ไม่ได้เกิดขึ้นกับโครงการล้อมรั้วชายแดนไทย-มาเลเซียเพียงอย่างเดียว เพราะปีที่แล้วมหาเธร์ก็เคยสั่งทบทวนโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เคยเจรจากับจีนเอาไว้ในอดีต โดยให้เหตุผลว่าราคาแพงเกินไปเช่นกัน
ที่มา: Channel News Asia/ Free Malaysia Today
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: