เมื่อครั้งที่เรายังเด็ก ทุกคนต่างมีฝัน มีความหวังในอนาคต อยากจะมี อยากจะได้ หรือ อยากจะเป็น และฉันเชื่อว่าคนทุกคนย่อมมีเป้าหมายในชีวิตบางอย่าง จะไปถึงฝั่งฝันบ้าง หรือไม่ก็ตาม แต่ชีวิตก็ต้องมีทางเลือกเสมอ แต่สำหรับสาวประเภทสองนั้น ความฝันในวัยเด็ก ก็เรื่องหนึ่ง แต่เมื่อชีวิตที่เติบโตท่ามกลางสังคมที่ยังมี “อคติ” เรื่องเพศนั้น ความฝันในวัยเด็ก ย่อมแตกต่างจากชีวิตจริง ราวฟ้ากับเหว
เด็กบางคนเผชิญปัญหาเลวร้ายมาก อาทิ พอครอบครัวรู้ว่าเป็น “กะเทย” ก็ไม่ส่งเสียให้เรียนต่อ บางรายก็ กระเสือกกระสนหาเงินเรียนเอง คุณจะเชื่อไหม กะเทยที่ทำอาชีพขายบริการทางเพศ ที่ริมหาดพัทยา บางคนจบถึงปริญญาโท และเคยมีความฝันในการประสบความสำเร็จในชีวิต แต่อะไรนำพาเธอเหล่านี้มายืนตบยุง ขายบริการทางเพศ อีกทั้งต้องคอยวิ่งหนีเจ้าหน้าที่ ที่คอยไล่จับ ถึงขนาดที่คุณดอย ตัวแทนชุมชน สาวประเภทสอง ต้องเปิดฝึกอบรม การรับมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อเกิดสถานการณ์ขับขัน
ขายตัวเพื่อให้มีเงินกินข้าวประทังชีวิต
ภาพเหมารวมอาชีพของกะเทย พวกเธอต้องทำงานที่ไม่มีความมั่นคง เช่น นางโชว์ ช่างแต่งหน้า ที่ต้องใช้ความสาว ความสวย เมื่อความสวยหมดไปเธอก็จะต้องเปลี่ยนอาชีพ ซึ่งจะไม่มีทางเลือกมากนัก
ฉันรับฟังและจดปัญหาทุกอย่างลงกระดาษ เพื่อนำข้อมูลต่าง ๆ ไปจัดการต่อไป ระหว่างขับรถกลับกรุงเทพ ด้วยความเงียบงัน ครุ่นคิดเรื่องที่ฉันได้รับรู้ “กะเทย ขายตัว ที่ต่ำต้อย” สังคมไม่เปิดทางให้เธอ ได้แสดงศักยภาพที่เธอมี เธอเป็นกะหรี่ที่ยืนตบยุง นอนอ้าขาให้ผู้ชาย นักท่องเที่ยวราตรี ได้ปลดปล่อย
ฉันจอดรถริมทาง หลับตา และคิดได้ว่า
“พวกเธอขายตัวเพราะไม่มีทางเลือก”
“แต่ก็มีคนขายตัวทั้งที่มีทางเลือก เพื่อยืดอกผงาดในสังคมไทย”
จะแก้ปัญหานี้ต้องเริ่มจาความเข้าใจในครอบครัว สิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐพึงมี "ดีดนิ้ว" เริ่มค่ะ
หมายเหตุ เรื่องเล่าดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับบุคคลในรูปค่ะ