ใบหน้าเปื้อนยิ้ม แฝงวาทะศิลป์สะกดผู้ฟัง แม้ประเด็นที่เอ่ยถึงนั้นจะแหลมคมและน่าหวาดเสียวเพียงใด อาจกล่าวได้ว่าถ้าการเมืองดีเราคงไม่รู้จักดาวเด่นของกลุ่มคณะราษฎร ที่หลายคนเฉิดฉายเป็นประกายทิ่มแทงชนชั้นศักดินา ด้วยวาทกรรมและสมองปราศจากอาวุธ

แม้ว่าบทบาทสตรีในการเมืองไทยมักถูกมองว่าเป็น 'ไม้ประดับ' แต่ในยุคศตวรรษ 21 วิวัฒนาการของผู้คนได้เปลี่ยนไป เสรีภาพการแสดงออกไม่ได้ผูกมัดโดยเพศใดเพศหนึ่ง ทั้งเวทีการเมืองระดับชาติหรือการต่อสู้บนท้องถนน ได้ผลิใบแตกยอดเกิดเป็น "ดาวปราศรัย หรือ ดาวสภา" มากหน้าหลายตาให้ผู้คนจดจำ 

เช่นเดียวกับ 'ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล' หรือ 'มายด์' แกนนำคณะราษฎรและมหานครเพื่อประชาธิปไตย ในเวลานี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าแวดวงผู้รักประชาธิปไตยไม่มีใครไม่รู้จักเธอ ด้วยรอยยิ้มและท่าทีนอบน้อม แต่เปี่ยมด้วยพลังอุดมการณ์ทั้งจากตัวเธอและผองเพื่อนที่ร่วมเคลื่อนไหว ได้ปรากฎภายในหัวใจของราษฎรทั้งหลายแล้ว

เพดานความคิดก็แค่อากาศ

• ค่ำคืนงานพาเหรดแฟชั่นจากภาษีราษฎร

หลายคนในขบวนนักศึกษา ได้เติบโตหลังรัฐประหารปี 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้การนำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ครองอำนาจมากว่า 6 ปี

กลายเป็นจุดกำเนิดการชุมนุมครั้งใหญ่ รวมผู้คนเรือนแสนที่อัดอั้นต่อความอยุติธรรมภายใต้นาม 'คณะราษฎร' เพื่อกดดันเรียกร้องให้ 1.ให้นายกรัฐมนตรีลาออก 2.เปิดสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเรียกร้องของประชาชน 3. ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ 

ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบสนองตามข้อเรียกร้องของราษฎร อีกทั้งยังบอกกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า “อย่าท้าทายพญามัจจุราช” โดยยืนยันว่าไม่มีทางลาออกเพื่อหนีปัญหาบ้านเมือง ทำให้อุณหภูมิการเมืองทวีความร้อนแรงอีกระดับ จนนำไปสู่การเคลื่อนขบวนไปยังสถานทูตเยอรมนี เพื่อยื่นหนังสือให้ตรวจสอบกรณีในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงงานเหนืออธิปไตยเยอรมนีหรือไม่  

ถือเป็นการจารึกประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง ในการหยิบยกประเด็นที่ทะลุเพดานมุ่งเป้าไปที่ใจกลางของปัญหา เรียกได้ว่าเพดานความคิดนั้นก็แค่อากาศ

'วอยซ์ออนไลน์' ได้พูดคุยกับ 'มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล' นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เมื่อเธอขึ้นเป็นผู้นำทัพคณะราษฎร หลังแกนนำบางส่วนถูกจองจำในโลกหลังกำแพง เพราะรัฐมองพวกเขาเป็นอาชญากรคุกคามความมั่นคง 

ทว่ายิ่งรัฐจับผู้คนยื่งตื่นรู้ กลายเป็นปรากฎการณ์แฟลชม็อบดาวกระจายทั่วประเทศที่ 'ทุกคนคือแกนนำ' เพื่อกดดันรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ท่ามกลางกระแสข่าวการทำปฏิวัติรัฐประหาร 

"ประชาชนไม่มีจะกินแล้ว" 

• ชุมนุมหน้าสถาทูตเยอรมนี

ย้อนไปเมื่อ 22 พฤษภาคม ปี 2558 หรือครบรอบ 1 ปี รัฐประหารโดย คสช. เธอเป็นอีกคนที่ได้ติดตามข่าว กลุ่มนักศึกษาที่ทำกิจกรรม 'ยืนมองเวลา' รำลึกเหตุการณ์ยึดอำนาจ ได้ถูกเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรง และควบคุมตัวไป 37 คน

เป็นภาพจำทำให้มายด์ฉุกคิดว่า ประเทศที่บอกว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ในฐานะพลเมืองไทยต้องมีสิทธิ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ และเธอก็มีสิทธิเช่นกันที่จะออกไปเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ 

ถัดมาอีก 5 ปี เมื่อความอดทนของประชาชนเริ่มถดถอยลง จากความบิดเบี้ยวของกฎหมายและความเย็นชาในการแก้ปัญหาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่สร้างประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ มีเพียงกลุ่มทุนใหญ่ที่กอบโกยเม็ดเงินจากภาษีประชาชน

กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอเข้าร่วมเป็นหนึ่งในริ้วขบวนประชาชนในการปลดแอกอำนาจอยุติธรรม เพราะเธอเห็นว่า "ประชาชนไม่มีจะกินแล้ว" ขณะที่เศรษฐกิจดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ ทว่ารัฐบาลกลับไม่มีความสามารถบริหารยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้  

ต่อมาเมื่อได้เข้าร่วมขบวนครั้งใหญ่ มายด์ได้ขึ้นเวทีปราศรัยคณะเยาวชนปลดแอกเรื่อยมาอีกหลายเวที และไม่พ้นที่จะถูกดำเนินคดี กลางดึกหลังการชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบได้บุกชาร์จจับกุมเธอ บริเวณคาเฟ่ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. หลังถูกออกหมายจับกรณีชุมนุมที่แยกราชประสงค์ วันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยถูกควบคุมตัวไว้ที่ ตชด. ภาค 1 จังหวัดปทุมธานี ก่อนที่ศาลแขวงปทุมวันจะอนุญาตปล่อยตัวในเช้าของอีกวัน 

• หลังถูกบุกรวบกลางดึก

"พร้อมต่อสู้จนกว่าประชาธิปไตยจะเป็นของประชาชน ดังนั้นวันนี้ยังคงรอคำตอบจากทางรัฐบาลว่าจะตอบสนองข้อเรียกร้องราษฎรหรือไม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพ ไม่ได้มีความชอบธรรมที่จะอยู่ในตำแหน่งแล้ว" นั่นคือถ้อยคำหลังได้รับอิสรภาพ 22 ต.ค. และยังคงยืนยันว่าทุกข้อเรียกร้องโดยไม่มีการลดเพดานลง

ปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง

• หลังได้รับอิสรภาพ

ไม่ทันครบ 24 ชั่วโมงหลังได้รับประกัน มายด์ได้ปรากฎตัวที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและมวลชน วันนั้นเธอมาพร้อมโบว์ขาว สัญลักษณ์ต่อต้านอำนาจเผด็จการ เธอสะกดผู้ฟังบนเวทีว่าด้วยการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อีกครั้ง โดยเน้นย้ำว่ามันคือทางออกไม่ใช่การล้มล้าง 

ทว่าท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาเป็นเด็กก้าวร้าว ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ในฐานะผู้มีบทบาทนำเธอชี้แจงต่อข้อครหาว่า "ข้อเรียกร้องปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง ซึ่งยังมีอีกหลายคนยังเข้าใจผิด การปฏิรูปคือการแก้ไขเพื่อหาทางออก เพราะในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขยายพระราชอำนาจของสถาบันกษัตริย์ออกไปให้ไกลห่างจากประชาธิปไตย

"สิ่งที่ประชาชนปรารถนาคือสถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เพื่อความสง่างามและเป็นมิ่งขวัญของคนไทย สำหรับผู้เห็นต่างจากคณะราษฎร อยากให้เปิดใจยกเหตุผลพูดคุยกันอย่างจริงใจ เพราะการเจรจาคือการหาทางออกจากความขัดแย้งที่ดีที่สุด"

ต่อข้อเรียกร้อง 3 ประการ 'มายด์' ย้ำเตือนไปยังผู้มีอำนาจว่า หากดื้อดึงไม่ฟังเสียงประชาชนต่อไป เธอเห็นว่าในสภาวการณ์ที่รัฐบาลหมดความชอบธรรมเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำให้ "ประชาชนหมดความอดทน" เพราะคนไทยทนกับ พล.อ.ประยุทธ์มา 6 ปีแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาไม่อยากส่งต่อสังคมแบบที่เป็นอยู่ ให้ผู้คนในอนาคตต้องมาแบกรับชะตากรรม

รัฐบาลต้องจริงใจไม่ปาหี่

• โบว์ขาวประจำตัว

สำหรับการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อหาทางออกจากวิกฤตการเมือง ซึ่งไม่ใช่การยื้อเวลาครั้งแรกและอาจซ้ำรอยการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มายด์เห็นว่าไม่ควรเป็นเวทีปาหี่ของรัฐบาล ต้องหาทางออกให้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างแท้จริง

เธอมองว่าทุกอย่างมันจะสัมฤทธิ์ผลได้ เมื่อรัฐบาลรับฟังเสียงราษฎรด้วยความจริงใจ เพราะประชาชนถอยมามากแล้ว และรัฐบาลต้องถอยบ้าง อย่างน้อยพล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออก เป็นเงื่อนไขขั้นต่ำตามฉันทามติของประชาชนผู้เสียภาษี

" ทิศทางการเคลื่อนไหวตอนนี้คือการตัดสินใจของประชาชนที่มีฉันทามติอย่างไร หากเห็นพ้องว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออก..ก็ต้องลาออก เพราะประชาชนเป็นผู้จ่ายภาษีให้รัฐบาล"