ข้อมูลอย่างเป็นทางการของจีนเปิดเผยในวันจันทร์ (17 ก.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน ขยายตัวแค่ 0.8% ในช่วงเดือน เม.ย. ถึง มิ.ย. เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซาทั้งในและต่างประเทศ
ในขณะที่ GDP จีนขยายตัว 6.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตัวเลขที่เปิดเผยออกมาดังกล่าว แสดงให้ภาพฐานเศรษฐกิจจีนที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 เมื่อนโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" ของทางการจีนยังคงมีการบังตับใช้ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนหยุดชะงักลงอย่างรุนแรง
ยอดค้าปลีกในเดือน มิ.ย. ของจีนมีเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนมีเพิ่มขึ้น 4.4% ทั้งนี้ มีนักเศรษฐศาสตร์ที่ต่างออกมาคาดการณ์อย่างเป็นวงกว้างว่า เศรษฐกิจโดยรวมของจีนจะเติบโตมากกว่า 7%
อย่างไรก็ดี สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน กล่าวว่า ผลลัพธ์ตัวเลข GDP ของจีนดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึง "โมเมนตัมที่ดี" ของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ฟูหลิงฮุย โฆษกสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนกล่าวว่า “เมื่อเทียบตามไตรมาส GDP เติบโตขึ้น 4.5% เมื่อเทียบปีต่อปีในไตรมาสแรก และ 6.3% ในไตรมาสที่สอง” พร้อมระบุเสริมว่า “ความต้องการของตลาดค่อยๆ ฟื้นตัว อุปทานการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจ้างงานและราคาโดยทั่วไปทรงตัว และรายได้ของประชาชนในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
แม้ทางการจีนจะระบุว่าพวกเขามีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยว่า อัตราการว่างงานของคนรุ่นใหม่ชาวจีน มีเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 21.3% ในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 20.8% ในเดือน พ.ค. ข้อมูลของ NBS
ทั้งนี้ ทางการจีนตั้งเป้าการเติบโตในปี 2566 ไว้ที่ประมาณ 5% ซึ่งเป็นการตั้งเป้าทางเศรษฐกิจแบบอนุรักษ์นิยม เมื่อเทียบกับแนวโน้มการเติบโตในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ข้อมูลจากทางการจีนเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของจีนเติบโตที่ 3% ในปี 2565 ซึ่งเป็นหนึ่งในการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่อ่อนแอที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ที่เข้มงวดของรัฐบาล ที่ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆ ต้องปิดตัวลง แลบังคับให้ผู้บริโภคต้องขังตัวเองอยู่ในบ้าน
ที่มา: