ควอน ยอง จิน นายกเทศมนตรีเมืองแทกูของเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยโดยยอมรับต่อผู้สื่อข่าวและขอโทษต่อสาธารณชนว่า หน่วยงานด้านสถาบันการแพทย์ของเมืองแทกู เกือบตนเป็นเหยื่อของแก๊งหลอกลวงขายวัคซีนต้านโควิด-19 จากการที่เมื่อ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา หน่วยงานด้านสาธารณสุขในท้องถิ่นได้เริ่มการเจรจากกับบริษัทต่างชาติเพื่อนำเข้าวัคซีนโควิดของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค จำนวน 30 ล้านโดส ภายในกรอบระยะเวลา 3 สัปดาห์
รายงานระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้เจรจาถึงขั้นแลกเปลี่ยนเอกสารคำสั่งซื้อระหว่างกันแล้ว แต่หลังจากเรื่องส่งถึงกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ตรวจสอบ รัฐบาลพบว่าข้อเสนอการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวมีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือ เนื่องจากหลายครั้งที่ผ่านมา บริษัทไฟเซอร์มักเจรจาวัคซีนกับรัฐบาลกลางของแต่ละชาติ หรือองค์กรด้านสุขภาพระหว่างประเทศเท่านั้น และไม่จำหน่ายวัคซีนผ่านบุคคลที่ 3
ที่ปรึกษาด้านนโยบายของรัฐมนตรีสาธารณสุขเกาหลีใต้ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า บริษัทที่อ้างว่าสามารถจัดหาวัคซีนได้นั้นตั้งอยู่ในรัฐฟลอริดา ทว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่ออยู่ในประเทศโปรตุเกส
"มันเป็นความผิดพลาดของผมเอง .. ภาพลักษณ์เมืองแทกูต้องมัวหมองเพราะการไม่ระมัดระวังของผม ทั้งยังสร้างบาดแผลและความผิดหวังให้กับชาวเมืองที่กำลังทุกข์ทรมาณจากการระบาดของโควิด"
ด้านท่าทีของพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของประธานาธิบดีมุนแจอิน ตอบสนองต่อคำแถลงของนายกเทศมนตรีแทกูว่า "เหตุการณ์ความผิดพลาดเชิงวัคซีนของแทกูนั้น ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย"
อย่างไรก็ตาม แม้เกาหลีใต้จะเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตวัคซีนให้กับบริษัทยาหลายแห่ง ทว่าเกาหลีใต้ยังคงมีอัตราการเข้าถึงวัคซีนที่ต่ำกว่าหลายชาติ ประธานาธิบดีมุนกำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจาณ์อย่างสูงต่อบรรดาฝ่ายค้านวิจารณ์โครงการวัคซีนของรัฐบาลเกาหลีใต้ว่าค่อนข้างล่าช้าเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ ในภูมิภาค
ขณะที่ทางบริษัทไฟเซอร์ ได้เปิดเผยภายหลังว่ายังไม่อนุญาตให้หน่วยงานใดที่เป็นลักษณะบุคคลที่ 3 จัดหาวัคซีนให้เกาหลีใต้ และจะทำการสอบสวนเรื่องนี้ ปัจจุบันมีชาวเกาหลีใต้เข้ารับวัคซีนเข็มแรกแล้วราว 16.4% ส่วนยอดรับครบทั้งสองเข็มจะอยู่ที่ 4.4% ของประชากรโดยรัฐบาลมีเป้าฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศราว 52 ล้านคน ภายในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้