กิตติกร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน ในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือกกพ. มีมติรับทราบภาระต้นทุนค่าเอฟทีประจำรอบประจำเดือน มกราคม – เมษายน 2566 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.03 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้รัฐบาล หวังลดภาระต้นทุนคงค้างที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. แบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกนโยบายที่ขัดกับความเป็นจริง
ทั้งนี้การออกนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลส่งผลให้กระแสเงินสดของ กฟผ.ติดลบ จนถึงปัจจุบันที่ 160,000 ล้านบาท การแบกรับต้นทุนของกฝผ. ส่งผลกระทบการบริหารต้นทุนการของกฝผ.กระทบไปด้วย ทั้งนี้เพราะ พลเอกประยุทธ์คิดแต่จะหาเสียงผ่านนโยบายรัฐเพียงอย่างเดียว ส่งผลหน่วยงานของรัฐต้องรับผลกระทบตามไปด้วย
กิตติกร กล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการพลังงาน อยากให้รัฐบาล แก้ปัญหาโดยต้องหางบประมาณมาสนับสนุนและลดหนี้ของการไฟฟ้า จะใช้วิธีการกู้เงินโดยรัฐบาลค้ำประกับหรือใช้งบประมาณกลาง ของนายกรัฐมนตรี มาลดภาระหนี้ของกฝผ.ลงอาจจะใช้ประมาณ 85,000 ล้าน ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะไม่มีภาระดอกเบี้ย ซึ่งพลเอกประยุทธ์สามารถทำได้เลย แต่ทำไมเลือกไม่ทำ
“การไม่ดำเนินการอะไรของรัฐบาลไม่วาจะเป็นการเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน เพื่อขอลดค่าไฟฟ้าพร้อมจ่าย หรือ ใช้งบกลางมาสนับสนุนให้กับกฝผ.ต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หากไม่ทำอะไรเลยจะเป็นการซ้ำเติมทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ เพราะการที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ในฐานะตัวแทนภาคเอกชนมองว่า หากขึ้นค่าไฟฟ้าจะส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น และกระทบกับความสามารถทางการแข่งขันรวมทั้งจำต้อง ปรับราคาสินค้า ซึ่งกระทบกับประชาชน ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ในฐานะผู้นำประเทศไม่ควรห่วง แต่การสืบทอดอำนาจการเมือง ท่านต้องห่วงประชาชนด้วย” กิตติกร กล่าว