ศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร World Economic Forum (WEF) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบกับผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร WEF ในวันนี้ โดยขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ มีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อนโยบาย และยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นการสร้างเสถียรภาพ ความมั่นคง ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกันเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจโลกและผลกระทบจากสงครามการค้า โดยต่างมีเจตนามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันสร้างระบบเศรษฐกิจที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม สามารถตอบสนองความท้าทาย และมองผลประโยชน์ร่วมกันเป็นหลัก โดยประธานบริหาร WEF อยากเห็นภูมิภาคอาเซียนที่เข้มแข็ง และประสงค์ให้อาเซียนเพิ่มพูนความร่วมมือกับภูมิภาคอื่นๆ ด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางภูมิรัฐศาสตร์และเน้นการสร้างความเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาคอื่นๆ ทั้ง ACMECS และ GMS พร้อมทั้งกล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมผู้นำ G20 ในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ว่าไทยได้นำเสนอผลลัพธ์การประชุมสุดยอดอาเซียน 2 ฉบับ คือ ASEAN Leader’s Vision Statement on Partnership for Sustainability และ ASEAN Outlook on the Indo-Pacific เพื่อนำเสนอแนวทางความร่วมมือกับประเทศสมาชิก G20 ในการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที
ประธานบริหาร WEF ชื่นชมรัฐบาลไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมยุค 4.0 และผลการจัดลำดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเมื่อครั้งที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ในลำดับที่สูงขึ้น ทั้งนี้ WEF แสดงความพร้อมสนับสนุนนโยบายสำคัญของรัฐบาล อาทิ Thailand 4.0 เทคโนโลยีดิจิทัล อุตสาหกรรมการเกษตร สาธารณสุข และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งต่อยอดผลลัพธ์การดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังประสงค์ให้ภาคธุรกิจร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐบาลเพื่อรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของโลก
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าอาเซียนควรเสริมสร้างระบบนิเวศทางดิจิทัล (Digital Ecosystem) ที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อรองรับความท้าทายจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 และการพัฒนาเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน และขยะทะเล ซึ่งได้ออกมาตรการในการแก้ไขแล้วและดำเนินการอย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย ของภูมิภาคและของโลก
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณที่ WEF ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานไทยมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน ประธานบริหาร WEF อวยพรให้รัฐบาลชุดใหม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความราบรื่น และประสบผลสำเร็จ พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้เชิญนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุม WEF ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ครั้งที่ 50 ในช่วงเดือน ม.ค. 2563 ด้วย