กระแสข่าวนี้สอดรับกับปรากฏการณ์ตั้ง ‘พรรคสำรอง’ ของ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ หลังเริ่มเห็นก้าวย่างนี้ หลังมีคนไปยื่นจดจัดตั้งพรรคกับ กกต. โดยใช้ชื่อว่า “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อเตรียมนำเข้าที่ประชุม กกต. เพื่อพิจารณารับจดทะเบียนพรรคเร็วๆ นี้
โดยผู้ที่มายื่นขอจดจัดตั้งคือ พนัชกร ตุลานนท์ และมีชื่อหัวหน้าพรรค คือ ว่าที่ ร.ท.ไกรภพ นครชัยกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรครวมพลังประชาชาติไทย
ส่วนสุดท้ายแล้ว ‘พรรคสำรอง’ จะจบที่ชื่อใด ไม่สำคัญเท่ากับว่ามี ‘แนวคิดนี้’ เกิดขึ้นแล้ว
ทว่ายังไม่ทันสิ้นกระแสข่าว กลับยิ่งตอกย้ำกระแสข่าวลงไปอีก หลัง นายฉัตรชัย เดินทางไปอีสาน เป็นประธานงานวันเกิด ‘เตือนใจ จรัสเสถียร’ มารดา ‘โจ้-ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร’ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย โดย ฉัตรชัย ได้กล่าวอวยพร ‘แม่เตือนใจ’ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพี่น้องประชาชนชาวมหาสารคาม พร้อมเดินทางไปกราบนมัสการพรธาตุนาดูน หรือ พุทธมณฑลอีสาน ด้วย
เมื่อไล่ตรวจชื่อผู้มาร่วมงานก็ทำให้ขบคิดและเห็นถึง ‘บารมีบิ๊กฉิ่ง’ ที่เบ่งบานหลังนั่งปลัด มท. มาเกือบ 4 ปี ได้แก่ เกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าฯจ.มหาสารคาม , มนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัตน์ ผู้ว่าฯจ.สกลนคร , ธัญญวัฒน์ ชาญพินิจ รองผู้ว่าฯ จ.มหาสารคาม , วิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ รองผู้ว่าฯจ.มหาสารคาม
ชนก จันทราทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย เป็นต้น
ว่ากันว่า ‘โจ้-ยุทธพงศ์’ มี ส.ส. ในมือกว่า 10 คนด้วย
ทั้งนี้เป็นที่มองกันในมหาดไทยว่าเป็นภาพที่ ‘ไม่คุ้นตา’ ในการที่ ฉัตรชัย ออกงานเช่นนี้ เพราะสไตล์ ฉัตรชัย มักจะทำงานเงียบๆ มากกว่า ถือเป็น ‘คีย์แมน’ ของ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ตั้งแต่ยุค คสช. รวมทั้งเป็น ‘มือจักโผ มท.’ ตลอด 4 ปี ในตำแหน่งปลัด มท. ทำให้ ‘วางขุมกำลัง’ ได้อย่างเป็นระบบและยืนระยะ โดยเฉพาะการเบ่งบานของ ‘สิงห์ดำ’ ในมหาดไทยยุคนี้
จนมีกระแสข่าวสะพัดในมหาดไทยว่า ‘ปลัด มท. คนใหม่’ ที่จะมาแทน ก็เป็น ‘รุ่นน้องสิงห์ดำ’ ทว่ากลับไม่ใช่ ‘คนในมหาดไทย’ โดยมีการพูดกันว่าอาจเป็นการ ‘โยกข้ามห้วย’ โดยมีชื่อ ‘จตุพร บุรุษพัฒน์’ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นอีกชื่อแคนดิเดต ‘ปลัด มท.’ ด้วย โดย ‘จตุพร’ สิงห์ดำรุ่น 36 ซึ่งเคยเติบโตในมหาดไทย ก่อนไปโตที่กระทรวงทรัพยากรฯ
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กับ นายฉัตรชัย ก็ปฏิเสธกระแสข่าวการไป ‘ตั้งพรรคสำรอง’ มาตลอด ทว่าในช่วงนี้ที่กระแสข่าวสะพัดหนาหูขึ้น พล.อ.อนุพงษ์ ก็กล่าวเป็นนัยว่า “ส่วนตัวไม่รู้เรื่อง เห็นแต่คนเขาพูดกัน ขณะนี้เขายังเป็น ข้าราชการทำงานอยู่”
จึงต้องจับตาบทบาท 'ฉัตรชัย' จากนี้ให้ดี ด้วย ‘โปรไฟล์’ และ ‘คอนเนกชั่น’ ที่ทั่วถึง พร้อมด้วย ‘บารมี-เส้นบุญคุณ’ ที่แผ่ทั่ว
โดย ฉัตรชัย เป็นชาว จ.สุราษฎร์ธานี ที่เดียวกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ โดยปลัด มท.จบสิงห์ดำ รุ่น 32 เติบโตตามลำดับขั้น โดยช่วงปี 2554 ได้สร้างชื่อจากผลงานแก้ปัญหาน้ำท่วม ขณะเป็นผู้ว่าฯลพบุรี จึงได้รับความไว้วางใจจาก ‘ยงยุทธ วิชัยดิษฐ’ รมว.มหาดไทย ยุค รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นเป็น อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก่อนขึ้นเป็นปลัด มท. ปี 2560 ยุค คสช.
อีกบุคคลที่เป็น ‘คีย์แมน’ ของ ‘3ป.’ คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยบารมีของ ร.อ.ธรรมนัส แผ่ขยายใน พปชร. เพราะว่ากันว่ามี ส.ส.พรรคในมือกว่า 40 คน หรือ 1 ใน 3 ของ พปชร. ถือเป็นมุ้งใหญ่ ซึ่งบทบาทที่ผ่านมาของ ร.อ.ธรรมนัส เป็นคนเจรจาเดินสาย ‘ตั้งรัฐบาล’ พร้อมเคยเปรียบตัวเองเป็น ‘เส้นเลือดใหญ่’ ที่หล่อเลี้ยงหัวใจคือรัฐบาล ทำให้ตกเป็นเป้าโจมตี ถึงเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี และถูกซักฟอกกลางสภา ได้คะแนนรั้งท้ายมาแล้ว
ทว่าผ่านมา 1 ปี ประวัติศาสตร์ย่อมไม่ซ้ำรอย บารมีของ ร.อ.ธรรมนัส ที่แผ่ไปถึงพรรคฝ่ายค้านและพรรคเล็ก ทำให้ได้คะแนนไว้วางใจเท่า นายกฯ และคะแนนไม่ไว้วางใจน้อยที่สุด ทำให้เป็นที่ฮือฮาอย่างมาก สมฉายา ‘ฤาษีเลี้ยงลิง’
อีกทั้งผลงานใน พปชร. หลังนำทัพเลือกตั้งซ่อมหลายสนามก็คว้าชัยให้กับพรรค โดยเฉพาะเลือกตั้งซ่อม เขต 3 เมืองคอน ที่ พปชร. ท้ารบพรรคประชาธิปัตย์ จนทำให้ ปชป. ออกมาถามหา ‘มารยาทการเมือง’ งานนี้ว่ากันว่า ร.อ.ธรรมนัส คือผู้ผลักดันให้ พปชร. ส่งลงชิงสนามนี้
ทำให้ พปชร. มี ส.ส.เมืองคอน 4 คน เท่ากับ ปชป. หรือที่เรียกว่า ‘ยุทธการคนละครึ่ง’ ยิ่งทำให้ชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส สะพัดขึ้นเป็น ‘รัฐมนตรีว่าการ’ ช่วงปรับ ครม. และ ‘เลขาธิการ พปชร.’ เลยทีเดียว
ทั้งนี้มีรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส ก็เดินเกมเตรียมตั้ง ‘พรรคสำรอง’ เช่นกัน
เพราะหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ก็จะเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับห้วงเวลา ‘ยุบสภา’ เพราะขณะนี้ รัฐบาลประยุทธ์ อยู่ในวาระมาเกือบ 2 ปีแล้ว ทว่ากลับมีการพูดกันว่าสุดท้ายแล้วการเลือกตั้งอาจยังใช้กติกาเดิมอยู่ ท่ามกลาง ‘เกมยื้อ’ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ พปชร. จับมือกับ ส.ว.
ดังนั้นการตั้ง ‘พรรคสำรอง’ ก็เพื่อรับสถานการณ์ในอนาคต เพื่อกวาดคะแนน ‘ปาร์ตี้ลิสต์’ จึงมีความเป็นไปได้สูง เพราะเพียงแค่ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ นั้นไม่พอ อีกทั้งเป็นที่วาง ‘ขุมกำลังใหม่’ ของ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ เพื่อปูทางสู่การ ‘ผ่องถ่ายอำนาจ’ ในระยะยาวต่อไปด้วย
เพราะสุดท้าย ‘3ป.’ ก็ต้องไปสักวัน !!