นายคารม พลพรกลาง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฐานหมิ่นศาล ในการอ่านแถลงการณ์หลังพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ถูกยุบพรรค ว่า จากประสบการณ์ที่เคยเป็นทนายต่อสู้คดีหมิ่นศาลของ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่เจ้าหน้าที่ของศาลเป็นผู้แจ้งความ จนในที่สุดอัยการสั่งไม่ฟ้อง จึงเห็นว่ากรณีของนายปิยบุตรมีความแตกต่างออกไป สามารถโต้แย้งได้ทันทีว่า พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมาย คสช. ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียจึงไม่อาจฟ้องร้องได้ อีกทั้งในแง่ข้อเท็จจริงก็สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่านายปิยบุตรไม่ได้มีเจตนาหมิ่น แต่เป็นการติชมโดยสุจริตตามหลักวิชาการจากการอ่านแถลงการณ์แสดงท่าทีเมื่อ ทษช.ถููกยุบ ซึ่งกลุ่มนักกฎหมายอนาคตใหม่เพื่อสังคมที่เท่าเทียมกัน (นอสท.) พร้อมจะไปให้กำลังใจนายปิยบุตรที่จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 17 เม.ย.นี้ด้วย
นายคารม กล่าวถึงกรณีที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ว่าที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ใช้มาตรา44 เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ว่า ต้องถามว่านี่เป็นการเห็นแก่ตัวหรือไม่ ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วข้อเสนอเช่นนี้ไม่อาจทำได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง กำหนดบทบาทหน้าที่ของ กกต.ไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เมื่อผ่านการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.ไปแล้ว ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของกกต.ในการดำเนินการขั้นต่อไป พอผลการเลือกตั้งออกมาไม่เป็นอย่างที่หวัง แล้วจะเรียกร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะไม่ได้
ส่วนกรณีที่ยังมีข้อครหาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ก็ย่อมเป็นหน้าที่ของ กกต.ในการสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้น ทั้งในเรื่องของการเปิดคะแนนดิบรายหน่วยเลือกตั้ง และสูตรคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หากประเด็นไหนเป็นปัญหาก็แก้เป็นรายกรณีไป ไม่ใช่การล้มกระดานด้วยการทำให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ นอกจากนี้ การรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็ต้องเคารพเจตจำนงของประชาชนที่ไปใช้สิทธิด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง