ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.สังขละบุรี และ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นจำนวนมาก ว่า ได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย อันเนื่องมาจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกประกาศให้อุทยานแห่งชาติเขาแหลมเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2534 ซึ่งพื้นที่บางส่วนทับซ้อนกับที่ดินของนิคมสหกรณ์ทองผาภูมิและสังขละบุรีกว่า 367,000 ไร่ โดยชาวบ้านได้ยึดถือครอบครองและทำกินพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่มี พ.ร.ฎ.จัดตั้งนิคมสหกรณ์ท้องที่อำเภอทองภาภูมิและอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ.2518 แล้ว
ต่อมาเมื่อมีการประกาศตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเขาแหลมซึ่งมีพื้นที่กว่า 935,625 ไร่ ซึ่งบางส่วนของพื้นที่ดังกล่าวทับซ้อนกับพื้นที่ของนิคมสหกรณ์ฯ ทำให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติเขาแหลมเริ่มเข้ามาคุกคามอ้างสิทธิ์การครอบครองทับซ้อนที่ดินดังกล่าวของชาวบ้าน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบหลาย 1,000 ราย โดยถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จับกุม ดำเนินคดีไปเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ชาวบ้านยึดถือ ครอบครองและทำประโยชน์มาก่อนการประกาศเป็นอุทยานฯแล้ว
ศรีสุวรรณ กล่าวว่า ปัญหาการทับซ้อนของพื้นที่ดังกล่าว และเป็นปัญหาที่ถูกกดทับมานาน ประชาชนในพื้นที่ถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นจำนวนมาก โดยอุทยานฯ อ้างว่าเป็นพื้นที่ของตัวเอง แต่ที่จริงแล้วนิคมสหกรณ์ฯ ได้จัดตั้ง และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษามาตั้งแต่ปี 2518 ต่อมาทางอุทยานฯก็ได้มาประกาศทับในปี 2534 นอกจากนี้พื้นที่อุทยานฯ ยังไปทับซ้อนกับวัดลิเจียอีกด้วย
โดยชาวบ้านได้เล่าว่าได้มีกลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยานระดับสูงนำกำลังเกือบ 200 นาย เข้าไปพร้อมอาวุธสงครามครบมือในวัดลิเจียซึ่งเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติฯ ลำดับที่ 84 และอ้างว่า วัดลิเจียบุกรุกที่ของอุทยานฯ ทั้งที่ความเป็นจริงวัดลิเจียอยู่ในพื้นที่ของนิคมสหกรณ์ฯ มานานแล้ว เป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างมากระหว่างชาวบ้าน พระ และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ โดยที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรฯ กลับเพิกเฉย ทั้งๆ ที่เป็นหน่วยงานที่ต้องให้การคุ้มครอง ดูแล ชาวบ้านซึ่งเป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์
ด้วยเหตุดังกล่าว ชาวบ้านในพื้นที่ อ.สังขละบุรีและ อ.ทองผาภูมิ เป็นจำนวนมากจึงได้ร้องขอให้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรับเรื่องร้องเรียนเพื่อนำความจริงมาเปิดเผยและช่วยชาวบ้านในทางกฎหมาย เพื่อช่วยปกป้องสิทธิ์ของชาวบ้านตามกฎหมายต่อไป โดยสมาคมฯ จะเดินทางไปพบชาวบ้านที่มารอรับนับพันราย ในวันอังคารที่ 18 ส.ค. นี้ เวลา 9.30 น. ณ หอประชุมนิคมสหกรณ์สังขละบุรี อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี