นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงชี้แจงกรณีที่หลายฝ่ายวิจารณ์นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อวันของพรรค โดยยืนยันว่า เรื่องแรงงานเป็นเพียงเรื่องหนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจประชารัฐ ซึ่งภาพใหญ่นั้นพรรคได้เสนอว่าถึงเวลาที่ประเทศจะต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งที่ผ่านมามักพูดกันว่าเรื่องการก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง พรรคจึงได้นำเสนอเรื่องนี้ ร่วมไปกับนโยบายอื่นๆ อาทิ การพัฒนาคนตั้งแต่ระดับล่าง เพื่อให้สามารถหลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง และสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของการเสนอให้เปลี่ยนแปลงอัตราค่าจ้างค่าแรงให้เหมาะสม โดยมั่นใจว่าจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ
พร้อมยืนยันว่าพรรคมีนโยบายและโครงการต่างๆ สอดรับกับนโยบายนี้ อาทิ การพัฒนาทักษะแรงงาน ซึ่งจะมีหน่วยงานมากำหนดค่าแรงกลางสำหรับงานและอาชีพแต่ละระดับให้เป็นมาตรฐาน โดยมีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันพิจารณา หากแรงงานสามารถสอบผ่านการประเมินแล้วจึงจะเข้าสู่การพิจารณาปรับค่าแรงมาตรฐานที่มีการกำหนดขึ้น รวมไปถึงระบบการใช้คูปอง เพื่อจูงใจผู้ประกอบการให้เข้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งหวังว่าทุกฝ่าย โดยเฉพาะภาคเอกชนและผู้ประกอบการจะเข้ามาช่วยกัน
อีกทั้งนโยบายนี้ไม่ใช่ว่าจะเริ่มได้ในทันที จะต้องดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป และอาจพิจารณาเป็นรายพื้นที่ไปให้เกิดความเหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนผู้ประกอบการ ซึ่งพรรคเชื่อว่าสุดท้ายผู้ที่จะได้ประโยชน์คือฝ่ายผู้ประกอบการเอง รวมไปถึงนักลงทุนที่จะเข้าใจว่าการดำเนินการเช่นนี้เป็นประโยชน์ในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการดึงดูดนักลงทุนด้วยในท้ายที่สุด
โดยเรื่องนี้ได้แจ้งหารือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ให้รับทราบข้อมูลและรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เตือนว่าการนำเสนอนโยบายนั้น เชื่อว่าเป็นการเตือนทุกพรรค ไม่ได้เจาะจงเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากนโยบายของพรรคสามารถทำได้จริง
'สนธิรัตน์' เผย อัตราเงินเฟ้อไทยปัจจุบัน ค่าแรงควรเป็น 412 บาท/วัน
ขณะที่นายสนธิรัตน์ ระบุว่า หากพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อของประเทศในช่วงที่ผ่านมาแล้วนำมาคำนวณ วันนี้ค่าแรงของไทยควรอยู่ที่ 412 บาทต่อวัน แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ปรับให้เกิดความเหมาะสม พรรคจึงต้องการเอานโยบายแรง��านมาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งระบบ พร้อมยืนยันว่า นโยบายขึ้นค่าแรงงานของพรรค ไม่ใช่นโยบายประชานิยม ที่เน้นการใส่แรงจูงใจระยะสั้น แต่พรรคเน้นการดำเนินการระยะยาว มีขั้นตอนที่สามารถทำให้เป็นจริงได้ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ และไม่ใช่นโยบายที่จะมาทำร้ายผู้ประกอบการ
สำหรับสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ที่หลายฝ่ายกำลังประกาศจุดยืนทางการเมืองนั้น พรรค พปชร.มองว่าเป็นเพียง เป็นกลยุทธทางการเมืองของแต่ละพรรคในช่วงโค้งสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างกับสถานการณ์หลังการเลือกตั้ง ที่เงื่อนไขต่างๆ จะทำให้แต่ละพรรคจะต้องตัดสินใจกันอย่างจริงจังอีกครั้ง โดยยอมรับว่าขณะนี้แกนนำพรรคกำลังหารือกับในเรื่องความเป็นไปได้ที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงในวันที่ 22 มีนาคม แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :