วันที่ 7 พ.ค. พิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นัดสื่อมวลชนแถลงเปิดใจถึงการรับตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งใช้เวลานานกว่า 25 นาที โดยมี พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี , วรชัย เหมะ ทีมที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองรองนายกรัฐมนตรี และ นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ ร่วมแถลงด้วย
โดย พิชิต กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้ตนเป็นผู้ตรวจร่างมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงดูข้อกฎหมายที่จะเสนอนายกรัฐมนตรี ก่อนเข้าสู่ที่ประชุม ครม. นอกจากนี้ยังได้รับมอบหมายให้ดูแลงานในสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี , สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี , สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี , สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นสำนักงานที่ตนใฝ่ฝัน รวมถึงสำนักงานราชบัณฑิตยสภา รวมถึงสำนักงานพัฒนาพคนคร (องค์การมหาชน) ซึ่งตนจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าตนรักประเทศชาติไม่น้อยกว่าคนอื่น โดยจะปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุเป้าหมาย
พิชิต ระบุว่า ตนไม่ใช่คนเก่า เพราะทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลมา 6-7 เดือนแล้ว ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฉะนั้น ตนไม่ใช่คนใหม่ที่นี่ แต่วันนี้แค่เปลี่ยนเก้าอี้นั่ง โดยนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ตนเข้าไปนั่งในที่ประชุม ครม. ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนไม่เคยขาดประชุม ครม.แม้แต่ครั้งเดียว รวมถึง ครม.สัญจรในพื้นที่ต่างๆ ด้วย ซึ่งตนได้รับรู้ความตั้งใจของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ที่จะทำงานให้เป็นไปตามการแถลงต่อสภา พร้อมย้ำว่าเรื่องงานตนไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ ขอให้สบายใจได้ ตนทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานด้วยความสงบเรียบร้อย วันนี้แค่เปลี่ยนตำแหน่ง แต่ก็ยังนั่งอยู่ในห้องเดิม
พิชิต กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำงานไม่เคยหยุด แม้ไม่ใช่นักกฎหมายแพ่งหรืออาญา แต่ตนตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน ดูเรื่องรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบเรื่องกฎหมายพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งตนมีทีมงานทำมาตลอด ตนเหนื่อยอย่างนี้มาอย่างน้อยก็ 60 ปีแล้ว พร้อมย้ำว่างานของตนที่ทำทุกวันนี้คือดูเรื่องกฎหมาย
หลังจากนี้ตนจะคุยกับสื่อมวลชนทุกเรื่อง เพื่อสื่อสารให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน การให้สัมภาษณ์วันนี้ตนพูดจากใจโดยไม่มีสคริปต์ใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่งานแรกที่จะเริ่มคลิกออฟในฐานะที่กำกับดูแลสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี คือตลอดเวลาที่เข้าทำเนียบฯ ตนเห็นป้ายที่สะดุดใจคือศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ประชาชน 1111 ดังนั้น ตนตั้งใจจะพลิกฟื้นศูนย์ภายใน 30 วันให้เป็นรูปธรรม อยู่ภายใต้โครงการทำเนียบช่วยได้ จะทำให้ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่พึ่งของประชาชน ทำเนียบรัฐบาลจะรับแจ้งเบาะแสอาชญากรรมทุกประเภท ตนจะรับเรื่องราวและไปติดตามงาน
พิชิต ย้ำว่า ขณะนี้ตนสามารถสตาร์ทเครื่องทำงานได้เลย เพราะได้คุยกับทุกหน่วยงานแล้ว มีข้อมูลทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้งานพระพุทธศาสนาที่เป็นเรื่องที่ตนใฝ่ฝัน ซึ่งที่ผ่านมามีหลายปัญหา ฉะนั้น ตนจะไปทำความเข้าใจกับสำนักงานพระพุทธศาสนาและพระสงฆ์ หรือพระเถระผู้ใหญ่ โดยตนจะไปรับฟังนโยบายทันที ในเดือน พ.ค.นี้ จะมีงานวันวิสาขบูชาโลก ที่จะมีพระผู้ใหญ่จาก 90 กว่าประเทศมาร่วมงาน ตนจะดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยให้เรียบร้อยและยิ่งใหญ่
ทั้งนี้ พิชิต ประกาศว่า “พิชิตพร้อมก้าวหน้า พร้อมเดินหน้า ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ผมพิชิต ชื่นบาน รักประเทศชาติและประชาชน ไม่น้อยกว่าคนอื่นหรอกครับ”
พิชิต กล่าวอีกว่า สิ่งที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยกับตน ซึ่งทุกคนมีอุบัติเหตุในชีวิตได้ แต่ขอว่าช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมาพื้นที่ข่าวให้พื้นที่กับเรื่องตนมาก ซึ่งตนก็อธิบายชัดแจ้งว่าถ้าให้ความเป็นธรรมกับชีวิตตน และไปศึกษาเรื่องราวต่างๆให้ดีพอ ก็จะทราบได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ถ้าผมเป็นคนไม่ดีอย่างที่มีการกล่าวหากัน คนที่ชื่อพิชิต ชื่นบาน จะไม่เดินเข้าทำเนียบ ซึ่งตลอดชีวิตผม 10 กว่าปีที่ผ่านมา หัวใจของผม ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เป็นคนผิด ไม่ได้เป็นคนชั่วร้าย สิ่งที่ทำให้ชีวิตผมยืนอยู่ได้ด้วยความรู้ความสามารถ การมายืนอยู่ตรงนี้ ถ้าผมไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีทางให้ผมมายืนได้หรอก ถ้ามาด้วยระบบเส้นสาย ระบบอะไรต่างๆ ผมยืนตรงนี้ไม่ได้หรอกครับ ผมทำงานกับนายกรัฐมนตรีมาหลายท่านแล้ว ฉะนั้น วันนี้พูดจากใจกับสื่อ”
จากนั้น พิชิต ยกมือขึ้นมาไหว้ท่วมหัว ก่อนระบุว่า “ขอโอกาสประชาชนที่อยู่ทางบ้าน ได้รับรู้เจตนาผม ขอโอกาสให้ผมได้ทำงาน ผมประเด็นของผม ตัวผม ใจผม ไม่มีเรื่องการเมือง เพราะผมเป็นมนุษย์ธรรมดา และเรื่องต่างๆ ผมเคารพสิทธิของฝ่ายที่ตั้งข้อสงสัย”
พิชิต ย้ำว่า การเมืองภาคประชาชนเป็นเรื่องที่ดี ฉะนั้นเวลานี้ ถ้าไปยื่นเรื่องตั้งข้อสังเกตกับตนหลายหน่วยงาน ทั้ง กกต. ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ขอให้รอฟังดุลยพินิจของแต่ละหน่วยงาน พร้อมย้ำว่าวันนี้ตนขอก้าวออกไปทำงาน ส่วนทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
จากนั้นเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สอบถาม ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสงสัยการที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเพราะ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พิชิต กล่าวว่า เพราะมีชื่อตนมาตั้งแต่สมัย ครม.เศรษฐา 1 ตนย้ำว่ามายืนตรงนี้ได้ เพราะความรู้ความสามารถ แต่ถึงอย่างไรทุกคนมีสิทธิ์คิด เพราะฉะนั้น ถ้าตนไม่มีความรู้ความสามารถ ก็คงไม่มีใครให้ตนมายืนตรงนี้ การบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่เรื่องเส้นสาย ไม่ใช่เรื่องพวกพ้อง ดังนั้นขอให้สบายใจได้
เมื่อถามย้ำว่า มองหรือไม่ว่าเป็นรัฐมนตรีสายล่อฟ้าของ ครม.ชุดนี้ พิชิต กล่าวว่า ตนมองว่าตนเป็นนายพิชิต ชื่นบาน และพร้อมพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าเรื่องต่างๆจะกระทบนายกรัฐมนตรี พิชิต กล่าวว่า เรื่องนี้ปล่อยให้หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายใช้ดุลยพินิจดีกว่า ตนขอทำหน้าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้ดีที่สุด
ส่วนที่ไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลกำกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น เพราะงานที่ได้รับมอบหมายนั้นเยอะอยู่แล้ว ที่ผ่านมาตนก็พูดคุยกับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่แล้ว และประสานงานกับทุกฝ่าย เพราะกฤษฎีกามีหน้าที่เหมือนตนคือทำให้รัฐบาลมีความชอบด้วยกฎหมาย ตนมั่นใจว่าเรื่องร้องเรียนต่างๆ จะไม่กระทบต่อการทำงาน เพราะตนมีสมาธิสูง ตนอยู่ในช่วงพิสูจน์ใจของตนมาแล้วว่าไม่หวั่นไหว แม้มีอะไรมาล่อใจก็ไม่หวั่นไหว ตนถึงยืนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
เมื่อถามว่า หากใครมาวิจารณ์คุณสมบัติหลังจากนี้ จะไม่ฟ้องใช่หรือไม่ พิชิต ระบุว่า เมื่อตนดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนา สิ่งที่ดีที่สุดคือการให้อภัย คือการอโหสิกรรม อนุโมทนาบุญ แต่ถึงวันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับตน และขอให้ดูการทำงาน