ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2561 ที่วอยซ์ ออนไลน์ นำเสนอข่าวเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกอีก 3 คน หลังพบว่าคณะของนายเปรมชัยเข้าไปตั้งแคมป์ในจุดที่ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อีกทั้งจากการตรวจค้นบริเวณแคมป์พักยังพบซากสัตว์ป่าคือ เสือดำ, ไก่ฟ้าหลังเทา, และเก้ง พร้อมด้วยอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดถูกนำส่งดำเนินคดีที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
โดยนายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ฯ เข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมนำหลักฐานบันทึกการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา 9 ข้อหากับนายเปรมชัยและพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย นายเปรมชัย กรรณสูต นายยงค์ โดดเครือ นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ
รายละเอียดข้อกล่าวหา
1. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
3. ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4. นำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
5. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
6. เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
7. ซ่อนเร้นอำพราง รับไว้ซึ่งซากสัตว์ ซึ่งได้มาโดยผิดกฎหมาย
8. พ.ร.บ.อาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียน
9. ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490
พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ คุมตัวนายเปรมชัย และพวกไปยื่นคำร้องขอฝากขังที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ให้เหตุผลว่าที่ไม่สามารถไปในจุดที่อนุญาตให้เข้าพักได้เพราะหลงทาง และไม่ได้เป็นคนยิงปืนล่าสัตว์ พร้อมให้ทนายยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดเพื่อประกันตัววงเงินคนละ 150,000 บาท โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวได้
หลังจากนั้นวันที่ 7 ก.พ. 2561 มีการขยายผลต่อโดย พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขออนุมัติหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านนายเปรมชัย ที่ซอยศูนย์วิจัย 3 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พบอาวุธปืน 43 กระบอก มีไรเฟิลติดลำกล้อง โดยได้ทำการอายัดอาวุธปืนทั้งหมดเพื่อตรวจสอบทะเบียนการครอบครอง รวมทั้งหาดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ
นอกจากนี้ยังพบ งาช้างจำนวน 4 กิ่ง จึงส่งให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ นำไปตรวจหลักฐานการครอบครอง แต่ไม่พบว่านายเปรมชัยอยู่ในบ้านแต่อย่างใด ซึ่งจากหลักฐานแวดล้อมทั้งหมด แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายเปรมชัยมีพฤติการณ์ชอบล่าสัตว์
โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ปืนยาวที่ตรวจพบนั้น ส่วนใหญ่เป็นปืนคล้ายกับอาวุธที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และมองว่ามีเจตนาเข้าไปล่าสัตว์ชัดเจน ไม่มีการเตรียมเสบียงอาหาร แต่ในทางสำนวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง
ในวันเดียวกันนั้นเอง คนในโซเชียลตั้งแคมเปญรณรงค์ให้ร่วมกันลงชื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่ ต้องโปร่งใส และมีมาตรฐานเดียวทุกคดี และ อีกแคมเปญคือ อยากให้บริษัท อิตาเลียนไทย แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ รวมถึงให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง กดดันการดำเนินงานของบริษัทนี้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สังคม
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวก หลังจากที่มีการประกันตัวไปเมื่อวันที่ 6 ก.พ. และตรวจค้นบ้านพักได้อาวุธปืน 43 กระบอกกับ งาช้างอีก 2 คู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความคิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และออกหมายเรียกนายนพดล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติ ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ประสานงานให้นายเปรมชัยกับคณะเข้าพื้นที่ให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 ก.พ.
ทั้งยังมีกระแสวิพากษ์ตามมาว่านายเปรมชัยนั้นหนีออกนอกประเทศไป เพราะหลังจากวันที่ได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ยังไม่มีใครพบนายเปรมชัยเลย ซึ่งเรื่องนี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยังไม่มีข้อมูลว่านายเปรมชัย หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามที่เป็นข่าว ส่วนหลบหนีทางช่องทางธรรมชาติหรือไม่นั้น หากพบมีหลักฐานก็สามารถขอศาลพิจารณาเพิกถอนคำสั่งประกันตัวได้ ด้านนายวิทูล แย้มพราย ทนายความของนายเปรมชัย เปิดเผยว่า นายเปรมชัยยังอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ
นอกจาก 9 ข้อหาที่ทางพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ แจ้งดำเนินคดีกับนายเปรมชัย และพวกแล้ว คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แถลงแสดงความกังวลและห่วงใยต่อกรณีที่มีบุคคลพร้อมอาวุธเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ พร้อมพักแรมในพื้นที่หวงห้าม และคุกคามสัตว์ป่า ถือเป็นการละเมิด พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และยังยอมรับว่ากฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบันยังมีบทลงโทษน้อยเกินไป ซึ่งได้พยายามติดตามการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เท่าที่ทราบขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเห็นว่าควรจะมีการแก้ไขบทลงโทษกับผู้ที่ล่าสัตว์ป่าสงวนให้หนักและรุนแรง อาจจะเพิ่มถึง 10-20 ปี ซึ่งต้องพิจารณาอีกครั้งเพื่อให้ความเหมาะสม
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่กรมที่ดินได้แจ้งความดำเนินคดีกับกรรมการบริหาร บริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นเครือญาติกับนายเปรมชัย ฐานบุกรุกพื้นที่ป่าใน อ.ภูเรือ กว่า 6,000 ไร่ และยังพบอีกว่า กรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ ได้ดำเนินคดีบุกรุกป่าเขาสอยดาวกับสนามกอล์ฟ ที่บุกรุกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว และป่าสงวนฯ เขาสอยดาว เขตป่าถาวรเขาสอยดาว โดยเป็นพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิรวม 482 ไร่ แต่อัยการสั่งฟ้องดำเนินคดีเพียง 189 ไร่ ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิออกจากพื้นที่ป่า และไม่มีการส่งฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกหลายรายตามที่กรมอุทยานฯ เสนอไป โดยรายชื่อหลุดไปในชั้นพนักงานสอบสวน มีเพียงบริษัทและบุคคลที่อ้างว่าเป็นลูกจ้างบริษัทอีก 2 รายที่ถูกส่งฟ้องเท่านั้น
และเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2561 เจ้าหน้าที่ด่านกักสัตว์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ เข้าแจ้งความในข้อหาทารุณกรรมสัตว์กับนายเปรมชัยและพวก เพิ่มเป็นข้อหาที่ 10 แต่มีถอนแจ้งความไปเมื่อวันที่ 21 ก.พ. เนื่องจากพิจารณานิยามคำว่า "สัตว์" แล้วพบว่าไม่เข้าตามนิยามของ พ.ร.บ.การทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 เนื่องจากมาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ ระบุว่า “สัตว์” หมายความว่า สัตว์ที่โดยปกติเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยง เพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง หรือสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการอื่นใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีเจ้าของหรือไม่ก็ตาม และให้หมายความรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
ซึ่งคำว่า “สัตว์” ในคดีเปรมชัย หมายถึง “เสือดำ” ยังไม่เข้าประกาศรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงฯ จึงไม่เข้าข้อกฎหมายคำนิยามคำว่าสัตว์ จึงถอนแจ้งความไป และสัตว์ป่าไม่ได้บรรจุอยู่ในข้อกฎหมายพ.ร.บ.การทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 โดยสัตว์ป่าที่อยู่ในป่ามีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ใช้บังคับอยู่แล้ว
ด้านตัวนายเปรมชัย และลูกน้องอีก 3 คน ได้เลื่อนนัดรายงานตัวมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ก.พ. และครั้งที่ 2 คือวันที่ 22 ก.พ. ถือเป็นการขัดหมายเรียกระหว่างได้รับประกันตัว ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า หากนายเปรมชัยไม่มาตามหมายเรียกในวันที่ 5 มี.ค. นี้ ที่สภ.ทองผาภูมิ พนักงานสอบสวนจะทำหนังสือถึงศาลจังหวัดทองผาภูมิ เพื่อขอถอนประกันต่อไป
ล่าสุดวันนี้ (2 มี.ค.) นายเปรมชัย และพวกอีก 3 คน เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ก่อนถึงกำหนดหมายเรียกวันที่ 5 มี.ค. 2561