ไม่พบผลการค้นหา
คอลัมน์ "อนาคตอยู่นอกกรุงเทพ" โดยธีรภัทร เจริญสุข วันนี้ ถอดประสบการณ์บริหารอำนาจแบบจีน ขนาดเป็นเผด็จการยังยอมให้ท้องถิ่นคิดเองได้

ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษแห่งการเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วของสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ลบภาพความล้าหลังเก่าแก่ตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษชาวไทยเชื้อสายจีนต้องอพยพหนีความยากลำบากกันดารมาอยู่เมืองไทยจนแทบหมดสิ้น

จีนในทศวรรษที่สองของศตวรรษ กลายเป็นชาติมหาอำนาจทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และการทหาร ในภาพกว้างอาจเห็นว่า จีนเป็นประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ผูกขาดที่มีพรรคเดียวปกครองเบ็ดเสร็จ ทำให้คนจำนวนหนึ่งที่รักชอบการเผด็จอำนาจผูกขาดมักเอามาอ้างว่า เผด็จการก็ทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าได้ แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในการปกครองของจีนแล้ว เราจะเห็นปัจจัยการพัฒนาหลายอย่างซึ่งเกิดขึ้นจากการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นเป็นสำคัญ


อะไรทำให้จีนอยากกระจายอำนาจ

ในช่วงการก้าวกระโดดใหญ่ (The Great Leap Forward)ในทศวรรษที่ 1950-60 ที่นำโดยแนวคิดของเหมาเจ๋อตุง จีนใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์ที่เน้นการวางแผนจากส่วนกลาง (Planned Economy) ในทุกอย่าง ตั้งแต่การจัดสรรการผลิตอาหาร เหล็กกล้า เครื่องใช้อุปโภคบริโภค จนถึงเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม

แต่วิธีการดังกล่าวประสบความผิดพลาดอย่างรุนแรง จากการบิดเบือนตัวเลขผลการผลิตเพื่อเอาใจผู้ตรวจสอบและผู้นำในกรุงปักกิ่ง จนทำให้คนจำนวนกว่าหกสิบล้านล้มตายลงด้วยการขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงโรคระบาดในระหว่างนั้น

และภายหลังจากความรุนแรงช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม ทำให้จีนมีสภาพเศรษฐกิจที่ล้าหลังอดอยากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรมหาศาล การปฏิรูปสี่ทันสมัยของเติ้งเสี่ยวผิงนำพากระแสทุนนิยม “แมวสีอะไรขอให้จับหนูได้ก็พอ” และความเจริญมาสู่ประเทศจีนยุคใหม่ ด้วยแนวคิดสองประการคือ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” และ “กระจายอำนาจทางการคลัง”


เศรษฐกิจนำ...อย่างเดียวไม่พอ

เขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone) เป็นเขตยกเว้นที่บังคับใช้กฎหมายแตกต่างไปจากพื้นที่อื่นของประเทศเพื่อส่งเสริมการลงทุนและการผลิต ในจีนเริ่มต้นจากพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเซี่ยงไฮ้ กวางโจว-เสิ่นเจิ้น และซัวเถา ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่สะดวกต่อการขนส่งสินค้าและการสร้างท่าเรือ รวมถึงเป็นเมืองท่าการค้ามาตั้งแต่โบราณ การใช้เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นหัวขบวนนำการผลิตสินค้าทำให้จีนกลายเป็นโรงงานของโลก

แต่ลำพังเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเดียวย่อมไม่ทำให้เมืองต่างๆ ของจีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เพราะในโลกนี้มีหลายประเทศพยายามเลียนแบบรูปแบบของเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะขาดปัจจัยที่สำคัญยิ่ง คือ “การกระจายอำนาจทางการคลังให้แก่ท้องถิ่น”

ในปี 1993 การปฏิรูประลอกที่สามของเจียงเจ๋อหมินนำทฤษฎีสามตัวแทนเข้ามาใช้ในการวางแผนพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจจีน ซึ่งหนึ่งในสามตัวแทนที่สำคัญคือกำลังการผลิตของสังคม ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจรายย่อย แปรรูปวิสาหกิจของรัฐที่ไม่ทำกำไรและสร้างความเสียหายให้กลายเป็นวสาหกิจกึ่งเอกชนหรือเอกชน และให้มีทรัพย์สินส่วนบุคคล

จุดเด่นที่สุดของการกระจายอำนาจในมุมของจีน คือ ทำให้รัฐส่วนกลางมีเวลาพิจารณาภาพรวมและนโยบายในมุมกว้าง เพื่อสร้างโครงสร้างสนับสนุนอย่างเป็นระบบ เช่น โครงข่ายคมนาคมทั้งทางหลวงข้ามมณฑลและรถไฟความเร็วสูง รัฐบาลกลางไม่จำเป็นต้องตามแก้ปัญหาจุกจิกในทุกเรื่อง

อำนาจการจัดการที่สำคัญได้แก่

  • การออกระเบียบ กฎ ข้อบังคับ เพื่อส่งเสริมหรือกำกับดูแลหน่วยงานธุรกิจในท้องถิ่น
  • การจัดเก็บภาษีและการจัดการรายจ่ายของเมือง จังหวัด และมณฑล
  • การว่าจ้างและปลดพนักงานของรัฐระดับปฏิบัติการ ตั้งแต่คนกวาดถนนจนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ
  • การเจรจาซื้อขายสินค้าและส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
  • การกำหนดอุดมการณ์ทางการแข่งขันที่ไม่กระทบต่อแนวนโยบายระดับชาติ

อำนาจในท้องถิ่นดังกล่าว ทำให้ผู้ได้รับตำแหน่งบริหารแข่งขันกันเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการพัฒนาตามแนวทางหลักของประเทศ จนทำให้แต่ละท้องถิ่นมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งต่อให้ผู้บริหารที่มีผลสำเร็จสูงได้รับคัดเลือกในพรรคเพื่อตำรงตำแหน่งระดับสูง


กำเนิด "คนเก่ง" จากการกระจายอำนาจ

ต้นแบบที่สำคัญของการคัดสรรผู้นำที่มีคุณภาพจากการกระจายอำนาจให้แก่รัฐบาลท้องถิ่น เช่น การขึ้นมาสู่อำนาจของอดีตประธานาธิบดีหูจิ่นเทา รวมถึงการจรัสแสงของสีจิ้นผิงประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบัน

หูจิ่นเทาไต่เต้าขึ้นมาจากการบริหารงานก่อสร้างในมณฑลกานซู ก่อนที่จะได้รับการจับตามองจากอดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์อย่างหูเย่าปังและสนับสนุนให้เข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำมณฑลกุ้ยโจว และได้พัฒนาเมืองด้วยวิสัยทัศน์ของตนเองจนเป็นที่รู้จัก แม้ว่าหลังจากเหตุการณ์เทียนอันเหมิน หูจิ่นเทาถูกปลดและไล่ไปบริหารเขตปกครองตนแองทิเบตที่อยู่ห่างไกล แต่ก็ได้ใช้การพัฒนาบวกกับการปราบปรามความวุ่นวายอย่างรุนแรงเข้าควบคุมจนทิเบตมีดัชนีการพัฒนาที่ดีขึ้น แลกกับชื่อเสียงในทางลบด้านการข่มเหงชาวทิเบตพื้นเมือง จนได้รับคัดเลือกเข้ามาบริหารประเทศ

จีน สี จิ้นผิง

สีจิ้นผิงก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะเป็นทายาทแกนนำพรรคระดับสูงมาก่อน แต่บิดาของเขาก็ถูกกวาดล้างอย่างรุนแรงในยุคการปฏิวัติวัฒนธรรมจนฐานะตกต่ำต้องไปเรียนรู้อยู่ในชนบทเป็นเวลานาน แต่เมื่อกลับเข้ามาสู่แวดวงการเมืองก็ฉายแววจากการพัฒนามณฑลฝูเจี้ยนในฐานะผู้ว่าการมณฑล และเลขาธิการพรรคประจำมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งทั้งสองมณฑลนี้ในปัจจุบันประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตอย่างสูง

ผู้นำจีนทั้งสองรุ่นดังกล่าว เมื่อสมัยบริหารท้องถิ่นมณฑลได้รับอำนาจในการบริการจัดการเขตพื้นที่ที่ตนเข้าไปปกครองอย่างเต็มที่ โดยมีเพียงแนวทางหลวมๆ ของรัฐบาลกลางกำหนดไว้

ไม่ได้เอาแต่พึ่งพาอำนาจและกำลังเงินของส่วนกลางในกรุงปักกิ่ง และได้ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมานำมาประยุกต์ให้เกิดผลสำเร็จสร้างเป็นทฤษฎีของตนเองเมื่อดำรงตำแหน่งสูงสุด

แตกต่างจากผู้นำเผด็จการชาติอื่นที่อำนาจสืบทอดตามสายเลือด หรือให้คนที่ไว้วางใจใกล้ตัวซึ่งขาดประสบการณ์การบริหารสืบทอดตำแหน่ง แล้วสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเพราะไร้ความสามารถในการบริหารงานจริง


จากจีนถึงไทย

แม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่พยายามก้าวสู่ประชาธิปไตย แต่การกระจายอำนาจในท้องถิ่นขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการเงินการคลังยังอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังต้องพึ่งพาเงินจากส่วนกลางเข้าอุ้มและดูแล และเงินภาษีที่เก็บจากท้องถิ่นยังมีชนิดน้อยเกินไปที่จะเลี้ยงตัวเองได้ ทำให้รัฐส่วนกลางเข้ามาแทรกแซงและพยายามก้าวก่ายการบริหารจัดการในทุกระดับ โดยอ้างความทุจริตและไร้ประสิทธิภาพของท้องถิ่นที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากไม่เกิดการกระจายอำนาจอย่างเป็นระบบ ก็ยากที่จะหาผู้บริหารที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้น และผู้บริหารที่ส่งมาจากหน่วยงานส่วนกลางก็ไม่สามารถเข้าใจการพัฒนาจากวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นได้ กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ท้องถิ่นก็ไม่เติบโต และส่วนกลางก็ไม่มีความสามารถที่จะทำงานจริงกับพื้นที่อยู่ร่ำไป

การอ้างความเจริญของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงต้องดูให้ลึกถึงปัจจัยของอำนาจทั้งการบริหารและการเงินที่กระจายอย่างถึงรากในสังคมท้องถิ่น และเลียนแบบแง่มุมที่ดี ที่ประสบความสำเร็จ มาใช้พัฒนาตามแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อให้คนไทยอยู่ดีกินดีมีความสุขทั่วถึงกันทั้งประเทศ

ไม่ใช่เอาใจแต่คนบางกลุ่มในกรุงเทพมหานครแล้วอ้างอำนาจปิดปากคนไปวันๆ

ทางรถไฟ จีน AP