นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องความเชื่อมั่นเมื่อการเลือกตั้งเลื่อนออกไป ว่ายังไม่ได้ยินนักลงทุนแสดงความกังวลเรื่องการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพราะสิ่งที่นักลงทุนต้องการเห็นคือบ้านเมืองสงบ การเมืองมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจเติบโตดี ซึ่งขณะนี้ ประเทศไทยมีองค์ประกอบเหล่านี้ครบถ้วน
"ผมว่ารัฐบาลเองต้องการให้มีการเลือกตั้งให้เร็วแต่อยู่ที่เงื่อนไขต่างๆ ซึ่งผมไม่ได้มีส่วนในการกำหนดเงื่อนไขตรงนั้น หากเหตุการณ์สงบเรียบร้อย ไม่ทะเลาะกัน การเลือกตั้งอาจเกิดเร็วๆ นี้ก็ได้" นายสมคิด กล่าว
ในเช้าวันนี้ (29 มกราคม) รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เข้าร่วมพิธีเปิดงานสัมมนา 'Move the Thailand with EEC หรือ EEC ไม่มี ไม่ได้' พร้อมกับกล่าวว่า เรื่องพระราชบัญญัติเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ พ.ร.บ. อีอีซี จะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากขณะนี้เหลือการพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพียง 1-2 มาตราเท่านั้น และในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จังหวัดจันทบุรี-ตราด วันที่ 5-6 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับแผนโครงการพัฒนาอีอีซี ทั้งเรื่องเกษตรและท่องเที่ยว
พร้อมกับคาดว่า การขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีแนวโน้มน่าจะดี แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือเน้นคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ และต้องการสร้างเจ้าของกิจการใหม่ๆ ที่นำเอาดิจิทัลมาสร้างมูลค่าสินค้า เพื่อสานต่อพื้นที่อุตสาหกรรมภาคตะวันออกที่มีอยู่เดิม เพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะจูงใจการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ซึ่งมีคำขอเข้ามาเกือบ 2 แสนล้านบาท ส่วนการเชื่อมโยงเศรษฐกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านจะมีเส้นทางรถไฟทางคู่อยู่แล้ว เมื่อสถานการณ์เหมาะสม ภาคเอกชนก็จะดำเนินการเอง
"รัฐบาลจัดตั้งโครงการอีอีซี เน้นลงทุนในยุคดิจิทัล สร้างรถไฟฟ้า ระบบราง ถนน อำนวยความสะดวกการลงทุน แม้จะเหลือเวลาเพียง 1 ปี จะทำจนถึงวันสุดท้าย และในอนาคตจะรู้ว่าอีอีซีจำเป็นต้องเกิดขึ้น เพราะหลายประเทศทั้งเวียดนาม อินโดนิเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ก้าวกระโดดไปมากแล้ว" นายสมคิด กล่าว
รวมถึงย้ำว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะทำให้ประเทศเกิดความโดดเด่นขึ้นมา โดยมีการปฏิรูประบบเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เริ่มด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพราะหมดยุคที่จะแข่งขันโดยนำเรื่องค่าแรงถูกมาแข่งขันกันอีกต่อไป เนื่องจากการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนมีการพัฒนาเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว
ดังนั้น รัฐบาลจึงมีแนวคิดที่จะทำให้ประเทศเกิดความโดดเด่นขึ้นมา โดยมีการปฏิรูประบบเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เริ่มด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพราะหมดยุคที่จะแข่งขันโดยนำเรื่องค่าแรงถูกมาแข่งขันกันอีกต่อไป เนื่องจากการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก
"วิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อ 3-4 ปีก่อน กลายเป็นโอกาสที่จะได้ปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยการสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ๆ ที่สามารถแข่งขันได้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันอย่างแรง ไม่ใช่แค่มียักษ์ใหญ่ไม่กี่เจ้า" นายสมคิด กล่าว