ไม่พบผลการค้นหา
“องอาจ” ชี้ แก้กฎหมาย กกต. เกี่ยวข้องผู้ตรวจการเลือกตั้งกระทบความเชื่อมั่นเลือกตั้ง ระบุ กกต.ชุดปัจจุบันมีอำนาจในการทำงานตามกฎหมายและระเบียบ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกล่าวถึงกรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 เพื่อแก้ไขการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งว่า การแก้ไขกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของ สนช. ที่สามารถทำได้ เมื่อพบว่าหลังมีการบังคับใช้กฎหมายไปแล้วมีปัญหาที่ควรแก้ไข แต่การที่ สนช. เสนอแก้กฎหมาย กกต. ที่เกี่ยวข้องกับการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้ง  โดยอ้างว่า กกต. ชุดปัจจุบันกำลังจะหมดหน้าที่ควรรอให้ กกต. ชุดใหม่มาทำหน้าที่สรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้น เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น  เพราะ กกต. ชุดปัจจุบันมีอำนาจหน้าที่ทำงานตามปกติจนกว่าจะมี กกต. ชุดใหม่ เพราะฉะนั้นการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งก็เป็นการทำงานปกติตามกฎหมาย และ ระเบียบที่วางไว้

"ส่วนที่ สนช. อ้างว่า กกต. ออกระเบียบการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งไม่เหมาะสม จึงต้องการแก้กฎหมาย กกต. เพื่อกำหนดวิธีการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งไว้ในกฎหมาย โดยไม่ให้ กกต. ไปออกระเบียบเองนั้น ซึ่งเมื่อดูร่างแก้ไขกฎหมาย กกต. ของ สนช. แล้ว ไม่เห็นหลักประกันอะไรที่แสดงให้เห็นว่าจะได้ผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ดีกว่าแต่อย่างใด" นายองอาจ กล่าว  

นายองอาจ กล่าวว่า นอกจากร่างแก้ไขกฎหมาย กกต. ของ สนช. กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งโดยตัดองค์ประกอบในส่วนของภาคประชาชนออกไปอีกด้วย ซึ่งถือว่าแย่กว่าเดิม เพราะของเดิมมีภาคประชาชนเข้าร่วมสรรหาด้วย ถึงแม้ สนช. จะอ้างว่าเสนอแก้ไขกฎหมาย กกต. เป็นเจตนาดี เพื่อทำให้การเลือกตั้งเกิดความสุจริตเที่ยงธรรม แต่ข้ออ้างในการแก้ไขกฎหมาย กกต. ไม่สมเหตุสมผล 

"ขอตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวแก้ไขกฎหมาย กกต. ครั้งนี้ มีใบสั่งจากผู้มีอำนาจมาถึง สนช. เพื่อทำให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญของ กกต. เป็นไปตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นอันตรายมากต่อการที่ประเทศกำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง เพราะผู้มีอำนาจมีแนวโน้มจะเป็นผู้ลงสนามเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าถูกสังคมมองว่าผู้มีอำนาจกำลังใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อประโยชน์ของตนและพวกพ้องผ่านกลไกผู้ตรวจการเลือกตั้ง เพื่อให้สมประโยชน์ กับตนเองมากที่สุด ก็จะยิ่งฉุดรั้งความไม่เชื่อมั่นต่อความสุจริตเที่ยงธรรมของการเลือกตั้งมากขึ้น ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อการเดินหน้าประเทศไทยให้เข้าสู่สภาวะปกติแต่อย่างใด จึงขอฝากผู้มีอำนาจไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี และหาทางทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น กับการเลือกตั้งให้ได้ เพราะถ้าปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังต่อไปก็จะส่งผลกระทบสร้างภาพลบต่อผู้มีอำนาจต่อไป" นายองอาจ กล่าว