นิกเกอิ เอเชี่ยน รีวิว สื่อวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองของญี่ปุ่น รายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่าในปีงบประมาณ 2018 (พ.ศ.2561) กองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศแห่งชาติญี่ปุ่น (JADGE) จะพิจารณาจัดซื้อจัดหาเครื่องบินขับไล่ที่จะยิงขีปนาวุธต่อต้านได้ไกลกว่าเครื่องบินขับไล่ที่มีอยู่ โดยจะเน้นถึงรุ่นที่มีขีปนาวุธต่อต้านจากอากาศสู่ภาคพื้นดิน และจะต้องยิงได้ไกลในระยะมากกว่า 1,000 กิโลเมตร หรือเทียบเท่ากับระยะทางจากญี่ปุ่นไปถึงเกาหลีเหนือ และนักวิเคราะห์มองว่านี่คือการเตรียมความพร้อมรับมือขีปนาวุธเพดานบินสูงของเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือเพิ่งจะทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นฮวาซง-15 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นยังเคยประกาศก่อนหน้านี้ด้วยว่า จะสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบยิงต่อต้านขีปนาวุธจากภาคพื้นดินสู่อากาศร่วมกับสหรัฐฯ เช่น รุ่น SM-3 Block ซึ่งจะนำมาติดตั้งบนเรือบรรทุกเครื่องบินของญี่ปุ่นให้ได้ภายในปี 2021 (พ.ศ.2564) หรือในอีกสามปีต่อจากนี้ ซึ่งระบบขีปนาวุธต่อต้านรุ่นนี้มีระยะยิงไกลมากกว่า 1,000 กิโลเมตรเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายอิสึโนริ โอโนะเดระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ว่า ญี่ปุ่นจะไม่จัดซื้อจัดหาขีปนาวุธแบบโจมตีทางอากาศ หรือแม้แต่เครื่องบินขับไล่ก็ไม่มีระบบยิงโจมตี แต่มีแค่ระบบขีปนาวุธต่อต้านเท่านั้น เพราะญี่ปุ่นจะปล่อยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสหรัฐฯ ในการปกป้องความมั่นคงของญี่ปุ่นและภูมิภาค เป็นผลจากรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นที่สหรัฐฯ ผลักดันให้บังคับใช้นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และญี่ปุ่นต้องยอมรับเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญดังกล่าวเพราะแพ้สงคราม
ส่วนสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลียังไม่คลี่คลาย เพราะเกาหลีเหนือเพิ่งทดสอบขีปนาวุธรอบใหม่ ทั้งยังไม่มีท่าทีว่าจะระงับการพัฒนาศักยภาพอาวุธนิวเคลียร์ และท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ก็มีท่าทีที่แข็งกร้าว รวมถึงเคยข่มขู่ว่าจะกำจัดเกาหลีเหนือขั้นเด็ดขาดอยู่หลายครั้ง ล่าสุดกองทัพสหรัฐฯ ก็ร่วมฝึกซ้อมรบกับกองทัพเกาหลีใต้ โดยเป็นการฝึกซ้อมโจมตีทางอากาศซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์ยิงถล่มฐานที่มั่นของเกาหลีเหนือ เมื่อวานนี้ (4 ธันวาคม) นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าเกาหลีเหนือจะต้องออกมาตอบโต้ภายในเวลาไม่นาน
ด้านนายเจฟฟรี เฟลท์แมน อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันรับหน้าที่ทูตพิเศษด้านการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ (UNSC) มีกำหนดเดินทางเยือนเกาหลีเหนือในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ เพื่อพบกับรียงโฮ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ UNSC จะเดินทางเยือนเพื่อพบปะพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาลเกาหลีเหนือ และอาจเป็นการส่งสัญญาณว่านานาประเทศยังคงคิดว่าการเจรจาหาทางออกจากความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ต้องดำเนินต่อไปโดยใช้แนวทางการทูต แม้ว่าท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ จะเป็นไปในทางตรงกันข้ามก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ เห็นด้วยสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำเกาหลีเหนือ