ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ผ่านกลไก “กองทุนผู้สูงอายุ” สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อสร้างรายได้และส่งเสริมการมีอาชีพอย่างยั่งยืน

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุจำนวนมากที่ยังไม่มีรายได้ประจำ และยังต้องพึ่งพาครอบครัวหรือเงินช่วยเหลือจากรัฐเป็นหลัก รัฐบาลจึงเร่งเดินหน้า “กองทุนผู้สูงอายุ” ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือผู้สูงวัยให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

โดยวัตถุประสงค์ของกองทุนผู้สูงอายุ คือการเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุมีบทบาทในการพัฒนาชุมชนและประเทศอย่างเต็มศักยภาพ

นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นมา กองทุนได้อนุมัติการสนับสนุนและกู้ยืมเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพให้กับผู้สูงอายุ ครอบคลุม 42 โครงการทั่วประเทศ โดยล่าสุด ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เห็นชอบโครงการเพิ่มเติมอีก 5 โครงการ 

สำหรับกรอบวงเงินของกองทุนแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ โครงการขนาดเล็กไม่เกิน 50,000 บาท ขนาดกลาง 50,000–300,000 บาท และขนาดใหญ่ตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป ซึ่งจะพิจารณาจากวัตถุประสงค์ ความจำเป็น และความเป็นไปได้ของแต่ละโครงการ

นอกจากนี้ ผู้สูงอายุยังสามารถกู้ยืมเงินทุนได้โดยตรง ทั้งในรูปแบบรายบุคคล วงเงินไม่เกิน 30,000 บาท และแบบรายกลุ่ม วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อกลุ่ม โดยไม่คิดดอกเบี้ย และผ่อนชำระคืนภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี

ทั้งนี้ โครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน ต้องมีความชัดเจน เป็นประโยชน์ต่อชุมชน และไม่มีงบประมาณซ้ำซ้อน โดยเปิดรับทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรของผู้สูงอายุ 

ผู้สนใจสามารถสมัครขอรับการสนับสนุน หรือติดต่อสอบถามได้ผ่านเว็บไซต์ https://olderfund.dop.go.th หรือที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทุกจังหวัด

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงให้ผู้สูงวัยมีรายได้ มีอาชีพ และไม่ถูกทอดทิ้ง โดยกองทุนผู้สูงอายุถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี เป็นที่พึ่งของตนเอง และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาชุมชนต่อไป

ขอเชิญชวนผู้สูงอายุทุกคนที่มีไอเดีย มีความตั้งใจ และต้องการสร้างอาชีพ ให้เข้าร่วมโครงการของกองทุนผู้สูงอายุ เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ และร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและเท่าเทียม” นางสาวศศิกานต์กล่าว