เจ้าหน้าที่ตรวจพบรถบรรทุกที่ถูกทิ้งร้างในเขตชานเมืองของซานแอนโตนิโอในมลรัฐเท็กซัส สหรัฐฯ พบว่าภายในมีผู้อพยพหลายสัญชาติที่ไม่มีเอกสารรับรองเสียชีวิตอยู่อย่างน้อย 46 ศพ และมีผู้รอดชีวิตอีก 16 คน เป็นเด็กเล็กทั้งหมด 4 คน ซึ่งถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยเร่งด่วน โดยในวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา อุณหภูมิในเมืองดังกล่าวแตะที่ 39.4 องศาเซลเซียส

เจ้าหน้าที่เหตุฉุกเฉินเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุเวลา 18.00 น.ของวันที่ 27 มิ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น หัวหน้าทีมดับเพลิงแจ้งว่า "ไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อเปิดรถบรรทุกออกมาแล้วจะพบร่างของผู้เสียชีวิตจำนวนมาก" โดยสภาพที่เห็นคือรถบรรทุกที่ถูกคนขับขับมาจอดทิ้งไว้ และไม่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศจนผู้คนข้างในทนความร้อนไม่ไหวและขาดอากาศหายใจในที่สุด

รอน นีเรนเบิร์ก นายกเทศมนตรีของเมืองซานแอนโตนิโอกล่าวว่า "ผู้อพยพเหล่านี้ต่างก็มีครอบครัว ... พวกเขาเพียงแค่ต้องการที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น นี่คือความสยดสยองและโศกนาฏกรรมของมนุษย์"

โดยปกติแล้วกลุ่มขบวนการผู้ค้ามนุษย์มักจะนัดพบผู้อพยพที่ต้องการหลบหนีเข้าเมืองในบริเวณพื้นที่ห่างไกล ก่อนจะขนย้ายพวกเขาเหล่านั้นด้วยรถบรรทุกเข้ามายังเขตของสหรัฐฯ ในกรณีนี้พบว่ากลุ่มผู้ที่รอดชีวิต 16 คนมีอุณหภูมิร่างกายที่สูงมาก "จนแทบจะแตะตัวไม่ได้" ทุกคนต่างทรมานจากอาการเหนื่อยล้าเนื่องจากความร้อนสูงและอาการฮีทสโตรกอย่างหนัก

BBC ระบุว่าจุดที่มีการพบรถบรรทุกคันดังกล่าวอยู่ห่างจาก 'พรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก' ราว 250 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่มักพบการลักลอบพาคนข้ามพรมแดนเข้ามายังสหรัฐฯ ขณะนี้ทางการของเท็กซัสเตรียมดำเนินการสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้รอดชีวิต และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น โดยในปี 2560 มีการพบผู้เสียชีวิตในลักษณะคล้ายกัน 10 รายในรถบรรทุกที่ถูกทิ้งที่ซานแอนโตนิโอ