ไม่พบผลการค้นหา
ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ปิดฉากไป พร้อมกับสถิติที่น่าจดจำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ มหกรรมฟุตบอลโลก 21 ครั้ง ขณะเดียวกันยังเป็นครั้งแรกที่สร้างบันทึกใหม่ด้วยการเป่าจุดโทษมากสุดตลอดกาล

แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการแข่งขันในบางนัด น่าเบื่อ ยิงกันน้อย แต่ยังมีบางนัดที่การแข่งขันสุดเดือดพลิกจากผู้ชนะเป็นผู้แพ้ให้แฟนบอลทั่วโลกได้ชม

64 นัดตลอด 1 เดือน นับเป็นความทรงจำสำหรับคอบอลทุกเชื้อชาติ ไล่ตั้งแต่นัดแรกคู่เปิดสนาม รัสเซีย - ซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2018 จนถึงคู่ชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2018 ที่ฝรั่งเศส ชนะ โครเอเชีย สกอร์รวม 4-2 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 (ปี 1998 และปี 2018) ในรอบ 20 ปีไปครองนับจากที่เคยเข้าชิงก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง พร้อมกับสร้างสถิติ ชนะ 6 นัด เสมอ 1 นัด โดยไม่เคยสะกดคำว่าแพ้ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้

บันทึกที่น่าจดจำสำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้ คือเป่าจุดโทษในเกมปกติ 90 นาที และต่อเวลาพิเศษ 120 นาที

โดยมีการให้จุดโทษเกิดขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกมากถึง 29 ครั้ง (เฉลี่ยนัดละ 0.45 ครั้งต่อนัด)

จุดโทษ 29 ครั้ง มีผู้สังหารเข้าประตูจำนวน 22 ครั้ง

ผู้รักษาประตูป้องกันได้ 7 ครั้ง 

ใน 29 ครั้งนี้ ใช้วิดีโอช่วยการตัดสิน หรือ VAR : Video assistant referee เพื่อให้จุดโทษถึง 11 ครั้ง และเป็นดุลพินิจของผู้ตัดสินเป่าจุดโทษเอง 18 ครั้ง

จุดโทษ บอลโลก เมสซี่ 000_16246V.jpgวีเออาร์ บอลโลก 0_16M713.jpg

ทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ ทำลายสถิติการให้จุดโทษสูงสุดที่เคยมีมา

โดยสถิติจุดโทษสูงสุดก่อนหน้านี้มี 18 ครั้งในปี 1990 ที่อิตาลี ปี 1998 ที่ฝรั่งเศส และ ปี 2002 ที่เกาหลีใต้ กับ ญี่ปุ่น

ส่วนฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล เป็นเจ้าภาพ ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์เป่าจุดโทษเพียง 13 ครั้งเท่านั้น

ขณะเดียวกัน รอบชิงชนะเลิศที่รัสเซีย ยังถูกบันทึกประวัติศาสตร์ ที่ผู้ตัดสินให้จุดโทษด้วยการใช้ VAR เป็นครั้งแรก และผู้ที่ทำหน้าที่สังหารจุดโทษด้วย VAR เข้าสู่ก้นตาข่าย คือ อองตวน กรีซมันน์ ของฝรั่งเศส

กรีซมันน์ จุดโทษ วีเออาร์ ลูกโทษ บอลโลก ฝรั่งเศส แชมป์โลก 8CW.jpg

(อองตวน กรีซมันน์ ผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สังหารจุดโทษนัดชิงด้วยการตัดสิน VAR)

สำหรับสถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้  

ทำเข้าประตูตัวเอง 12 ลูก

1 นัด ไม่มีประตู ฝรั่งเศส - เดนมาร์ก จบลงด้วยสกอร์ 0-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)

ในรอบน็อกเอาท์ มีการหาทีมชนะด้วยการดวลจุดโทษ 4 นัด คือ 

  • รัสเซีย - สเปน (รัสเซียชนะ) รอบ 16 ทีม
  • โครเอเชีย - เดนมาร์ก (โครเอเชียชนะ) รอบ 16 ทีม
  • อังกฤษ - โคลอมเบีย (อังกฤษชนะ) รอบ 16 ทีม
  • รัสเซีย - โครเอเชีย (โครเอเชียชนะ) รอบ 8 ทีม
  • ชนะใน 120 นาที 1 นัด คือ รอบรองชนะเลิศ ในนัดที่ อังกฤษ แพ้ โครเอเชีย 1-2 หลังเสมอในเวลา 90 นาที 1-1
  • ฟุตบอลโลก 2018 ตลอด 64 นัด มีการทำประตู 169 ประตู (เฉลี่ย 2.6 ประตูต่อนัด)
  • ใบเหลือง 219 ใบ (3.5 ใบต่อนัด)
  • ใบแดง 4 ใบ 
  • ผ่านบอลสำเร็จ 49,651 ครั้ง (775.8 ครั้งต่อนัด)
เบลเยียม 00_1665D7.jpg
  • เบลเยี่ยม ยิงสูงสุด 16 ประตู
  • เกมรุกดีสุด คือ โครเอเชีย 352 ครั้ง
  • ผ่านบอลสำเร็จดีที่สุด อังกฤษ 3,336 ครั้ง
  • เกมรับดีที่สุด โครเอเชีย (เคลียร์บอล ปะทะ ป้องกันประตู) 301 ครั้ง
อังกฤษ บอลโลก แฮร์รี่ เคน 00_16J4BV.jpg
  • ดาวซัลโว คือ แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ) 6 ประตู
ลูก้า โมดริช โครเอเชีย บอลโลก 0KP.jpg
  • นักเตะทรงคุณค่า ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย)
เอมปับเป้ ฝรั่งเศส แชมป์ บอลโลก ฟุตบอลโลก 7P0GK.jpg
  • ดาวรุ่งยอดเยี่ยม คีลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ (ฝรั่งเศส)
ธิโบต์ กูรกตัว เบลเยี่ยม 7A0YF.jpg
  • ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ธิโบต์ กูร์กตัวส์ (เบลเยี่ยม) เซฟ 27 ครั้ง

ดีดิเยร์ เดส์ชองส์ เป็นทั้งโค้ชและนักเตะที่คว้าแชมป์โลกเป็นคนที่ 3 (ปี 1998 / 2018) ได้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ต่อจาก มาริโอ ซากัลโล่ (บราซิล) แชมป์โลก 1958 /1962 (นักเตะ) 1994 (โค้ช)

และฟร้านซ์ เบ็คเค่นบาวเอร์ (เยอรมนี) แชมป์โลก 1974 (นักเตะ) 1990 (โค้ช)

เดส์ชองส์ ฝรั่งเศส บอลโลก แชมป์โลก 0_17P7A1.jpg

ฟุตบอลโลก 2018 ยังบันทึกอีกสถิติคือ คีลิยัน เอ็มปั๊บเป้ เป็นนักเตะอายุน้อยสุด อันดับ 2 ด้วยวัย 19 ปี 207 วัน ปี 2018ที่ยิงประตูนัดชิงชนะเลิศ รองจาก เปเล่ (บราซิล) อายุ 17 ปี 249 วัน ปี 1958

ฝรั่งเศส บอลโลก ฟุตบอลโลก ปารีส แชมป์ 17P7C5.jpg

ทำเนียบแชมป์ฟุตบอลโลก 21 ครั้ง 

1.บราซิล 5 ครั้ง (1950 / 1958 /1962/1994/2002)

2.เยอรมนี 4 ครั้ง (1954 /1974 / 1990 / 2014)

อิตาลี 4 ครั้ง (1934/1938/1982/2006)

3.อุรุกวัย 2 ครั้ง (1930 / 1950)

อาร์เจนติน่า 2 ครั้ง (1978 /1986)

ฝรั่งเศส 2 ครั้ง (1998/2018)

4.อังกฤษ 1 ครั้ง (1966)

สเปน 1 ครั้ง (2010)

สำหรับมหกรรมฟุตบอลโลกในอีก 4 ปีข้างหน้า ปี 2022 จะจัดขึ้นในทวีปเอเชีย ที่ประเทศกาตาร์ ในช่วงฤดูหนาวเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 21 พ.ย. - 18 ธ.ค. ปี 2022 ตามที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้ประกาศก่อนจบทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย

ภาพข่าว - AFP

อ่านข่่าวที่เกี่ยวข้อง