พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุการประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการนอกสถานที่จ.เพชรบุรี ว่าที่ประชุมมีการอนุมัติการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง หลายโครงการ เช่นโครงการทางหลวงหมายเลข 35 และทางเลี่ยงเมือง รวมถึงทางด่วนนครปฐม ชะอำ ที่จะให้เอกชนเข้าร่วมประมูลในเดือน มี.ค.นี้ และจะมีการขยายช่องทาง ชะอำ-ปราณบุรี และโครงการรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.- หัวหิน ที่จะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 

ขณะเดียวกันได้มีการพิจารณาเห็นชอบในหลักการ เร่งรัดการสร้างท่าเรือเฟอรี่ข้ามอ่าวไทย จากพัทยา-เขาตะเกียบ ซึ่งจะให้เอกชนปรับปรุงท่าเรือสัตหีบให้ดีขึ้น และท่าเรือแหลมฉบัง-บางสะพาน ที่จะช่วยลดระยะขนส่ง และส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงให้ความเห็นชอบโครงการ ไทยแลนด์ ริเวียร่า ที่จะเป็นพัฒนาสร้างถนนสำรองเลียบพื้นที่ชายหาด ตั้งแต่ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ที่จะเป็นถนนเรียบชายหาดเหมือนต่างประเทศ โดยใช้ชื่อดังกล่าวเพื่อให่ต่างประเทศสนใจ

ครม.เห็นชอบ พ.ร.ก.จัดการแรงงานต่างด้าว

ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ พ.ร.ก.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญยกเว้นให้ผู้ที่มีทักษะสูงและเข้ามาทำงานในประเทศ เปลี่ยนจากระบบอนุญาตเป็นระบบแจ้ง เพื่อลดภาระให้กับประชาชน อีกทั้งยังสอดคล้องกับหลักสากล เช่น การจ้างแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน การเปลี่ยนประเภทการเปลี่ยนประเภทงาน หรือการเปลี่ยนพื้นที่ สามารถแจ้งให้นายทะเบียนทราบ ยกเลิกบทบัญญัติที่กำหนดที่พักอาศัยของแรงงานต่างด้าวในท้องที่นั้นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน 

นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตจากนายกรัฐมนตรี ที่นำไปปรับแก้ เช่น การกำหนดให้มีใบจ้างงานก่อนจึงสามารถนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานได้ ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุปัญหาการค้ามนุษย์ การห้ามนายจ้างเก็บค่าใช้จ่ายจากแรงงาน ยกเว้นค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าตรวจสุขภาพ และค่าใบอนุญาตทำงาน รวมทั้งปรับแก้เรื่องการเปลี่ยนนายจ้างจากเดิม 15 วัน เป็น 30 วัน นอกจากนี้ยังกำหนดให้นายจ้างจะเก็บหนังสือเดินทางของลูกจ้าง จะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างเท่านั้น พร้อมปรับกำหนดบทลงโทษ เช่น กรณีแรงงานเข้ามาโดยไม่ถูกกฎหมาย ปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 50,000 บาท นายจ้างที่รับแรงงานต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับ 10,000 ถึง 100,000 บาท และกำหนดบทลงโทษผู้ทำผิดซ้ำมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และมีโทษปรับไม่เกิน 200,000บาท หากทำผิดซ้ำอีกจะต้องห้ามจ้างแรงงานไปอีก 3 ปี