นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระทำผิดว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมาดำเนินการใช้ไปแล้วจำนวน 1,876 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ถูกคุมความประพฤติในฐานความผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก และมีผู้ถูกคุมความประพฤติถอดอุปกรณ์ EM แล้ว 1,543 คน อยู่ระหว่างการติดอุปกรณ์ EM อีก 333 คน โดยผู้ถูกคุมความประพฤติส่วนใหญ่ปฏิบัติตามเงื่อนไขมีเพียงร้อยละ 1.29 ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข เพื่อสร้างความมั่นใจแก่สังคมในระบบงานคุมประพฤติ จากกรณีตัวอย่างที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบูรณ์มีผู้ถูกคุมความประพฤติในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งศาลมีคำสั่งใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) ห้ามออกจากที่พักอาศัยตั้งแต่เวลา 19.00–05.00 น. ของวันถัดไปเป็นระยะเวลา 15 วัน ได้พยายามทำลายอุปกรณ์ EM ดังกล่าว พนักงานคุมประพฤติจึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ถูกคุมความประพฤติมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขจริง จึงได้รายงานพฤติการณ์ดังกล่าวต่อศาล โดยศาลพิเคราะห์และเห็นว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล และเงื่อนไขการคุมความประพฤติจึงให้ยกเลิกเงื่อนไขการคุมความประพฤติและทำโทษจำคุก 1 เดือนที่รอการลงโทษไว้มาบังคับใช้