ไม่พบผลการค้นหา
เครือข่ายนักศึกษาชมรมอนุรักษ์แห่งประเทศไทย เรียกร้องเจ้าหน้าที่ใช้กระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีข้อยกเว้นในการเอาผิดนายเปรมชัย กรรณสูตและพรรคพวกบุกรุกและล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

เครือข่ายนักศึกษาชมรมอนุรักษ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ล่าสัตว์ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 ที่นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพรรคพวก เข้าไปตั้งแคมป์พักแรมในบริเวณจุดห้ามตั้งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบที่ตั้งแคมป์พักแรมและบริเวณดังกล่าว พบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ทั้งไก่ฟ้าหลังเทา และซากเนื้อเก้ง นอกจากนี้ยังพบซากเสือดำถูกชำแหละ และถูกถลกหนังอีกหนึ่งตัว 

ทั้งนี้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อยู่ใน Core Area ของผืนป่าตะวันตก ซึ่งถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก และในสถานะการเป็น "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า" ควรมีความเข้มข้นในการคัดกรองคนเข้าพื้นที่อย่างจริงจังแต่กลับเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

ดังนั้น เครือข่ายนักศึกษาชมรมอนุรักษ์ฯ ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาที่ทำกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจากหลากหลายสถาบันศึกษาทั่วประเทศ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และในนามของนักอนุรักษ์จึงขอร้องเรียน 4 ข้อคือ

1. ความผิดของนายเปรมชัย กรรณสูตและพรรคพวก ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดโดยไม่มีข้อยกเว้น เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมกันของสังคม ไม่ว่าจะเป็นใครจะจนหรือรวย ความผิดย่อมเป็นความผิด อย่าลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย

2. อยากให้เกิดการตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำนาจคนใดในกรมอุทยานฯมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่

3. จะติดตามคดีนี้อย่างจริงจัง และหากภายใน 7 วันยังไม่มีความคืบหน้า เครือข่ายจะมีการทวงถามต่อไป

4. ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานที่ดีต่อสังคม ในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้ระบุในเว็บไซต์ว่ายังคงเฝ้าติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและจะติดตามอย่างถึงที่สุด และมูลนิธิสืบนาคะเสถียรขอชื่นชมและเป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกในความกล้าหาญสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้

และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลและสถานะทางธุรกิจอันใหญ่โตของผู้ต้องหา ขอให้สืบสวนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดีในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป

ด้านนางเยาวลักษณ์ เธียรเชาว์ ผู้อำนวยการกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล(ประเทศไทย) หรือ WWF Thailand กล่าวว่าในฐานะที่เป็นองค์กรอนุรักษ์ซึ่งมีภาระผูกพัน และพันธสัญญา ที่จะต้องดูแลเรื่องป่า สัตว์ป่า แหล่งน้ำ และสภาพของผืนป่าทั้งหลาย การกระทำแบบนี้กระทบใจคนทำงาน ซึ่งเป็นคนทำงานใกล้ชิดกับป่า เราทำงานวิจัยเรื่องเสือโคร่งเรื่องเกี่ยวกับป่า รู้สึกว่าความยากในการทำงานวิจัยในเรื่องหนึ่งต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะถอดบทเรียนออกมาได้ การตัดสินใจของคนๆ หนึ่งปลิดชีวิตสัตว์ ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามมันย่อมบั่นทอนกำลังใจใจของคนทำงาน ดูเหมือนว่าจะเป็นอุปสรรคให้เราทำงานบรรลุเป้าหมายของการทำงานได้ช้าลง ซึ่ง WWF ประเทศไทย ตกใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้น

ส่วนความคาดหวังต่อการดำเนินคดีนี้ นางเยาวลักษณ์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ในความรู้สึกส่วนตัวต้องยอมรับว่า ตามหลักกฏหมายต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่จากประสบการณ์และบทเรียน สังคมซึมซับได้ว่า มีการใช้กฏหมายและการปฏิบัติที่แตกต่างกันเป็นกรณีๆ ไป ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยทางด้านเศษฐกิจ สังคม และสถานภาพทางสังคมของบุคคลนั้นๆ ต้องยอมรับว่า สังคมไทยเราเป็นสังคมที่อยู่ในพื้นฐานของระบบอุปถัมภ์ ซึ่งทำให้สังคมเราเติบโตช้า

อย่างไรก็ตาม ทาง WWF Thailand ก็เชื่อว่า เราอยู่ภายใต้รัฐบาลที่ไว้วางใจได้ รัฐบาลทหาร คสช. ซึ่งก็มีคำมั่นสัญญาว่า จะดูแลประเทศนี้ไปสู่การปฏิรูป ไปสู่รากฐานอันดี เพราะฉะนั้นถ้ามองในเรื่องกฏหมาย ในกรณีนี้จะเป็นกรณีศึกษาที่ดีที่สุดของประเทศไทย เพราะเป็นที่สนใจของสังคม ผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาก็เป็นคนที่หลายฝ่ายจับตามองแบบใกล้ชิด ทั้งฝ่ายทำงานอนุรักษ์ โซเชียลมีเดีย และการพูดคุยในชีวิตประจำวัน 

ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่า กรณีนี้จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันกับกรณีอื่นๆ ที่ใกล้เคียง การล่าครั้งนี้ไม่ใช่การล่าเพื่อธุรกิจ เพราะจากสถิติจะเจอบ่อยครั้ง คือ การลักลอบการค้าสัตว์ป่าในเชิงเศษฐกิจ แต่กรณีนี้เป็นการล่าเพื่อวัตถุประสงค์อื่น 

ทั้งนี้มองว่า บทลงโทษของไทยยังเบาเกินไป ทำให้มีผู้ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ส่วนจะเพิ่มโทษขึ้นอีกเท่าไหร่ ไม่สามารถบอกได้ ขอให้เป็นหน้าที่ของนักกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน เห็นถึงความสำคัญของระบบนิเวศ

ขณะที่เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผู้กำกับสถานีตำรวจทองผาภูมิ เปิดเผยว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 รายแล้ว เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ขณะที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิอนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย คือ นายเปรมชัย กรรณสูต นายยงค์ โดดเครือ นางนที เรียมแสน และ นายธานี ทุมมาศได้ประกันตัวด้วยวงเงินคนละ 150,000 บาท



39217298465_8fbf629231_o.jpg


ข่าวที่เกี่ยวข้อง