มาร์ตินา ออตโต หัวหน้าหน่วยงานด้านเมือง (Cities Unit) ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNEP ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ วางแผนปรับเปลี่ยนเมืองใหญ่ให้ยั่งยืนและปลอดภัยมากขึ้นสำหรับประชาชน
ออตโต ระบุว่า ควรมีการปฏิวัติยุทธศาสตร์ที่บังคับให้คนวางผังเมืองต้องหาทางออกแบบเมืองให้มีพื้นที่ใช้สอยแบบผสมผสาน ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และยังควรต้องมีการสร้าง “หลังคาเขียว” คือหลังคาของอาคารที่ปกคลุมด้วยพืชพรรณและดิน รวมถึงกำแพงเขียว มีระบบพลังงานที่ไม่รวมศูนย์ มีการใช้พลังงานหมุนเวียน และมีการจัดการพื้นที่ว่างให้ดีขึ้นผ่านเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (sharing economy)
หน่วยงานด้านเมืองของ UNEP เชื่อว่า โลกมีโอกาสเพียงหนึ่งครั้งในชีวิตที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมเมืองในอนาคตให้มีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสังคม หน่วยงานดังกล่าวคาดว่า ภายในปี 2050 จะมีคนอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ประมาณ 64 เปอร์เซนต์ของประชากรโลก โดยช่วง 30 ปีข้างหน้า เมืองใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 200 เมืองในเอเชีย ส่งผลให้ความต้องการใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้น 125 เปอร์เซนต์
ปัจจุบัน เมืองใหญ่ในเอเชียต่างประสบปัญหาในการสร้างเมืองเพื่อรองรับประชาชนที่ทะลักเข้าไปในเมืองใากขึ้น และโครงสร้างพื้นฐานก็ยังมีสัดส่วนที่ไม่เหมาะสมกับประชากร
เคที รวินทราน คณบดีสิ่งแวดล้อมก่อสร้าง มหาวิทยาลัยอะมิที ของอินเดียกล่าวว่า เมืองใหญ่ในอินเดียจะต้องสร้างการเคหะใหม่อีกหลายร้อยโครงการ ให้การศึกษาที่มีคุณภาพ บริการด้านสาธารณสุข น้ำ การคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่หลั่งไหลเข้าไปอาศัยในเมืองใหญ่ แต่รัฐบาลท้องถิ่นของอินเดียยังมีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะทำตามเป้าหมายเหล่านั้นได้
รวินทราน กล่าวว่า การวางแผนผังเมืองมีความสำคัญมากต่อความสำเร็จของเมือง การวางแผนจะทำให้เมืองต่ตัดสินใจเรื่องต่างๆ อย่างมีข้อมูล แต่ท้องถิ่นอินเดียยังไม่มีแผนจัดการพื้นที่หรือแผนทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานในเมือง เช่น ระบบประปา ระบบระบายน้ำ การจัดการขยะ และคมนาคมก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในเมือง เพราะคณะบริหารท้องถิ่นยังขาดการวางแผนและการบริหารจัดการที่ดี
ทั้งนี้ ออตโตระบุว่าสิ่งที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องการสำหรับการวางแผนแนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ก็คือ การสนับสนุนด้านการคิดค้น นำการวางแผนเพื่อความไปยั่งยืนไปใช้จริง และต้องมีนโยบายร่วมกันระหว่างแต่ละภาคส่วนของสังคม เพราะเราไม่สามารถจะลงทุนไปกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะได้ใช้จริงในอีก 15 ปีข้างหน้า แต่กลับเป็นโครงการที่สร้างมาแล้วผิดพลาด
ที่มา : Asian Correspondent