งานแถลงข่าวจัดประกวด Miss Universe 2018 ครั้งที่ 67 ที่จะมีขึ้นที่ประเทศไทย นับเป็นครั้งที่ 3 หลังจากจัดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สรอบชิงชนะเลิศปีนี้มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ตามเวลาประเทศไทย
ขณะที่ภายในงานแถลงข่าวมี เดมี ลีห์ เนล ปีเตอร์ส เจ้าของตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สคนล่าสุด, อาภัสรา หงสกุล มิสยูนิเวิร์ส 1965 ,นาตาลี เกลโบวา เจ้าของตำแหน่งประจำปี 2005 , พอลล่า แมรี่ ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส, นายธนวัฒน์ วันสม ประธานกรรมการผู้บริหารบริษัท TW Investment Group ผู้ถือลิขสิทธิ์ในการจัดประกวดครั้งนี้ และนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้
โดยนายธนวัฒน์ วันสม กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้รับมอบหมายสิทธิในการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นเวทีประกวดอันทรงเกียรติและเป็นเวทีการประกวดเคียงข้างคนไทยมาอย่างยาวนาน จึงถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนที่ปีนี้เราจะได้มีโอกาส อย่างไรก็ดี เวทีประกวด Miss Universe ถือเป็นการให้โอกาสให้กับผู้หญิงที่มีความสามารถ และในการจัดประกวดครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของประเทศไทย
“การที่เขาเลือกเมืองไทยเพราะหลายส่วนรวมกัน เขามีความเชื่อมั่นประเทศไทยอยู่แล้ว ประกอบกับสภาพของประเทศไทย หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในประเทศไทยเป็นที่ยอมรับทั่วโลก เวลาจัดการประกวดนางงามจากร้อยกว่าประเทศจะมาเก็บตัว 3-4 สัปดาห์ ต้องมีกิจกรรม หรือสิ่งที่ทำให้เขาประทับใจ ซึ่งบ้านเรามีความพร้อมในทุกด้าน ในทีมผู้ผลิตมีการประสานงานกับท่องเที่ยว และ กทม. ก็จะทั้งแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ และถ้าในส่วนของต่างจังหวัด ตามนโยบายของท่านนายกฯ ในปีนี้ เป็นปีท่องเที่ยว วิถีไทย ส่งเสริมเมืองรอง ตอนนี้อย่างภาคเหนือ จะมี 3-4 จังหวัด ไม่ได้มีแค่เชียงใหม่ ที่เรากะจะไป ทางภาคอีสานจะมี 3-4 จังหวัด ทางภาคใต้ก็อาจจะไม่ใช่ภูเก็ตอย่างที่เคย อย่างน้อย 3 จังหวัด เป็นต้น ที่กำลังพิจารณาอยู่” นายธนวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ จะมีการแถลงข่าวใหญ่อีกครั้งในเดือน ต.ค. และจะมีการเชิญผู้เข้าแข่งขันจากหลายประเทศร่วมแถลง ซึ่งในปีนี้ เนื่องจากประเทศไทยมีจุดโดดเด่นหลายอย่าง จึงทำให้ประชาชนทั่วโลกให้ความสนใจ โดยจะใช้การจัดเวทีประกวดครั้งนี้ส่งเสริมวิถีไทยสู่สายตาประชาคมโลก ส่วนงบประมาณในการจัดงานประกวดครั้งนี้ นายธนวัฒน์ระบุว่ามีการใช้งบประมาณมากพอสมควร จึงคาดหวังว่าจะมีงบประมาณส่วนหนึ่งจากภาครัฐและเอกชนร่วมด้วย
"การได้รับสิทธิ์ในการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นตัวแทนจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในประเทศไทย แต่จะมีการทำงานร่วมกับกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์อย่างแน่นอน เพราะคนที่เป็นตัวแทนของประเทศไทย จะเข้ามาสู่การประกวดระดับโลก ย่อมต้องมีการประสานงานแน่นอน ลึก ๆ แล้วส่วนตัวก็เชียร์ให้คนไทยได้" นายธนวัฒน์กล่าว
ด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ กล่าวขอบคุณที่ทางผู้จัดเล็งเห็นศักยภาพความงดงามของวัฒนธรรมไทย รวมถึงความงามของแหล่งท่องเที่ยว และเห็นเสน่ห์ของคนไทย จึงได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดการประกวด โดยมีกองทัพของสาวงามที่เดินทางมาเก็บตัวในประเทศไทยประมาณ 1 เดือน โดยรัฐบาลมีแนวโน้มในการพยายามสนับสนุน ด้วยการจัดกิจกิรรมสนับสนนุนและอำนวยความสะดวก โดยมีจุดประสงค์เพื่อการโปรโมตการท่องเที่ยวในเมืองรองเพื่อให้เห็นความหลากหลายทางวัฒนธรรมของประเทศไทย
นายกฯ ยินดี ไทยเป็นเจ้าภาพจัดมิสยูนิเวิร์ส
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงประธาน Miss Universe Organization คณะผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 มาเข้าพบ เพื่อให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประกวด Miss Universe ถือว่าเป็นเรื่องยินดีที่คณะกรรมการและผู้จัด ได้เห็นศักยภาพของประเทศไทย ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยจัดมาแล้วถึง 2ครั้ง
แม้ว่าจะอยู่สถานการณ์ที่ไม่ปกติก็จัดมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้สถานการณ์ปกติ ทางผู้จัดก็ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพทางการเมือง และความปลอดภัยของประเทศ และเห็นศักยภาพของประเทศไทยจึงเลยมาจัด จากนี้จะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรมไปพิจารณารูปแบบการจัด ว่าจะจัดออกมาในรูปแบบไหน ใช้เงินสนับสนุนจากแหล่งใด ส่วนใหญ่ก็มาจากภาคเอกชน ที่มาจากการสบทบทุนจากภาคเอกชน เพราะเป็นกิจกรรมที่มีรายได้ มีการถ่ายทอดสดออกไปกว่า 170 ประเทศทั่วโลก ซึ่งแต่ก่อนทำไม่ได้เช่นนี้ เหมือนฟุตบอลโลก แข่งรถรายการดังๆ ดังนั้นรายได้ก็จะเกิดกับประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า หากไม่มีปัญหาในเรื่องข้อตกลง รัฐบาลก็ยินดีสนับสนุน เพื่อให้คนรู้จักประเทศไทย เพราะหากนำผู้เข้าประกวดไปเก็บตัวในเมืองรองที่สวยงาม ซึ่งจะเป็นการสร้างการรับรู้ ไปในเวทีโลก เพราะไทยมีชื่อเสียงในด้านการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย อย่างกรณีถ้ำหลวง ซึ่งในวันนี้ก็ยังไปรวมพลังช่วย สปป.ลาวด้วย
เชื่อมั่นประเทศไทย จัดมิสยูนิเวิร์สอีกครั้งในรอบ 13 ปี
แม้จะมีการจัดแถลงข่าวใหญ่อีกครั้งในเดือน ต.ค. แต่ พอลล่า แมรี่ ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส ยืนยันอย่างชัดเจนว่า 13 เป็นเลขดี และปีนี้เป็นปีที่ 13 นับจากปี 2548 ที่ไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดครั้งสุดท้าย พร้อมย้ำว่า ผู้ที่เคยเข้าประกวดในไทยยังคงพูดถึงความประทับใจที่มีต่อประเทศไทยจนถึงวันนี้
ขณะที่นาตาลี เกลโบวา มิสยูนิเวิร์ส ปี 2005 ซึ่งชนะการประกวดในปีที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ระบุว่า 13 ปีผ่านไปไวมาก จนไม่อยากเชื่อว่ามันผ่านมานานขนาดนี้ แต่ตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นมิสยูนิเวิร์สกลับมาจัดในไทย เนื่องจากชีวิตของตนเปลี่ยนไปมากหลังจากการประกวดที่นี่ โดยเกลโบว่าระบุว่าประเทศไทยหล่อหลอมให้เธอเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะคนไทยรักสงบ อดทน และมีความรักให้ผู้อื่น จึงหวังว่าการจัดประกวดที่ไทยจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีแก่ผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ ในปีนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนเดมี ลีห์ เนล ปีเตอร์ส มิสยูนิเวิร์สปี 2017 ระบุว่าการจัดประกวดที่ไทยในปีนี้จะเป็นโอกาสพิเศษที่เธอจะได้ส่งมอบมงกุฏต่อให้ผู้รับตำแหน่งคนต่อไป และเชื่อว่าผู้เข้าประกวดที่ไทยจะได้รับโอกาสและประสบการณ์มากมายจากประเทศไทย ซึ่งเธอมีโอกาสได้มาเยือนด้วยตัวเองในครั้งนี้
มิสยูนิเวิร์สปี 2017 ระบุว่าปัจจุบันเธอกำลังรณรงค์การเสริมสร้างทักษะแก่ผู้หญิง ใช้ชื่อโครงการว่า Unbreakable หลังจากที่เธอเจอกับประสบการณ์ร้ายแรงเมื่อปีที่แล้ว คือถูกคนร้ายใช้ปืนจี้เพื่อปล้นรถ แต่โชคดีที่เธอเคยเรียนรู้วิธีจัดการกับเหตุการณ์รุนแรงต่อผู้หญิงอย่างไร จึงหนีรอดมาได้ และคิดว่าทักษะหรือประสบการณ์เหล่านี้คือสิ่งจำเป็นที่ผู้หญิงทั่วโลกควรได้รู้
"การได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สทำให้ฉันได้เปิดหูเปิดตาและได้รู้ว่าผู้หญิงทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์ไม่ต่างกัน ซึ่งเป็นความจริงที่น่าเศร้า นั่นคือเหตุผลที่ฉันเริ่มแคมเปญ Unbreakable และร่วมมือกับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ เพื่อเสริมสร้างพลังและกระตุ้นให้ผู้หญิงและเด็กวัยรุ่นหญิงทั่วโลกรู้วิธีจัดการและป้องกันกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการปล้นรถ จี้ชิงทรัพย์ หรือความสัมพันธ์ที่ใช้ความรุนแรง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: