นายนพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งคำถาม ว่า ดิไอคอนกรุ๊ป ดำเนินการในลักษณะที่ถูกแจ้งข้อกล่าว หาว่าฉ้อโกงประชาชนอยู่ได้อย่างไรมาเป็นเวลาหลายปี จนสามารถทำให้ผู้คนไปซื้อสินค้าหรือลงทุนและเสียหายนับพันล้านบาท มีคนตั้งข้อสงสัยว่า การที่มีคนเกี่ยวข้องนับแสน รอดหูรอดตาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้และปล่อยให้ไฟลามทุ่งแบบนี้ได้อย่างไร จนทำให้พี่น้องประชาชนสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก ทั้งๆที่ควรมีกลไกภาครัฐที่จะไปตรวจสอบเฝ้าติดตามและแจ้งข้อมูลให้ประชาชนรู้ว่าการประกอบธุรกิจของใครเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ตั้งแต่เนิ่นๆ 

นายนพดล กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอบคุณรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ดำเนินการเรื่องนี้แม้อาจจะช้าไป แต่ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาและทำความจริงให้ปรากฏ นอกจากนั้นควรหาทางเยียวยาผู้เสียหายให้ได้มากที่สุดเพราะเป็นคนที่น่าสงสาร  

แต่ประเด็นสำคัญที่ตนขอเสนอว่า รัฐบาลควรสร้างมาตรการป้องกันเชิงระบบที่ยั่งยืน โดยให้ผู้เกี่ยวข้องไปคิดค้นระบบเตือนภัยการฉ้อโกงประชาชนและแชร์ลูกโซ่ล่วงหน้า (ระบบเออร์ลี่วอร์นนิ่ง ) เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เช่น การสอดส่องการจดทะเบียนของบริษัทต่างๆ การประกอบธุรกิจขายตรงหรือเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ทั้งนี้เป็นเสมือนอุปกรณ์เซฟทีคัทที่ป้องกันไม่ให้ไฟไหม้บ้าน เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์จะต้องตกเป็นเหยื่อกระบวนการในลักษณะนี้อีกในอนาคต ซึ่งหลายประเทศเขาก็สามารถที่จะทำได้ ซึ่งถ้ามีระบบเตือนภัยจากการฉ้อโกงประชาชนและแชร์ลูกโซ่ จะช่วยปกป้องผู้บริสุทธิ์ และทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดจากการฉ้อโกงประชาชน และกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวแนวคิดสร้างไทยให้ปลอดภัยในทุกๆ ด้าน