15 ก.พ. 2567 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ชุดใหญ่ เป็นเวลา 1 ชั่วโมงกว่า ว่า ที่ประชุมได้รับทราบถึงหนังสือข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต มีมติให้ดำเนินการตามข้อหารือและข้อเสนอแนะของกฤษฎีกาและป.ป.ช. โดยให้มีการตั้งคณะทำงาน ซึ่งได้มีการมอบหมายเลขานุการรวบรวมข้อเท็จจริงจากข้อสังเกตต่างๆ และได้มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขยายขอบเขตการพัฒนาให้เกิดความโปร่งใส และป้องกันการทุจริตในโครงการเพื่อให้เป็นไปตามข้อสังเกตต่างๆ
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต มีมติตั้งอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำอาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการชัดเจนและมีบุคคลที่มีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ เห็นด้วยกับรายชื่อของคณะกรรมการดังกล่าว โดยการทำงานของคณะกรรมการด้านต่างๆจะทำงานทันที ซึ่งคณะทำงานรวบรวมข้อเท็จจริงได้กำหนดระยะเวลาไว้ 30 วัน และเมื่อเสร็จสิ้น จะมีการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายอีกครั้ง เพื่อนำข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.เข้าอย่างเป็นทางการ และพิจารณาเดินหน้าโครงการเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า คณะกรรมการหลายคนรวมถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพิ่งเห็นรายละเอียดข้อสังเกตจากกฤษฎีกาและ ป.ป.ช. ฉะนั้นต้องขอไปพิจารณาศึกษาว่าได้หรือไม่ ตนยืนยันไปว่าได้ โดยให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไปศึกษาเต็มที่ และพิจารณาตามข้อเท็จจริงส่วนหากมีข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะอย่างไรก็ให้บอกมา
ทั้งนี้ในที่ประชุมวันนี้มีการเปิดให้เสนอถกเถียงกันเป็นวงกว้าง ไม่ใช่แค่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง แบงค์ชาติ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้ให้ข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ฉะนั้นการประชุมในวันนี้ถือว่าชัดเจนมีการพูดคุยเป็นวงกว้างและไม่มีการตัดการประชุม โดยทุกท่านที่อยากเสนอแนะก็มีการพูดคุยกันอย่างครบถ้วน ข้อมูลของแต่ข้อมูลของป.ป.ช.ที่มาถึง และบางส่วนเป็นข้อมูลลับ วันนี้ก็มีการเปิดเผย โดยหลายท่านก็ขอนำกลับไปศึกษา ตนก็ยินดี เพราะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการทุกคนต้องไตร่ตรองให้ครบถ้วนเพราะเป็นนโยบายที่สำคัญ
เมื่อถามถึงข้อเสนอของ ป.ป.ช.ที่เสนอไม่ให้กู้เงินมาใช้ในโครงการ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทุกอย่างจะต้องมีการพิจารณาใหม่หมด โดยให้ทุกคนเสนอแนะเป็นวงกว้าง ซึ่งจะต้องพูดถึงเศรษฐกิจโดยรวม อาทิ เงินเฟ้อ GDP ที่ต่ำกว่าปกติ เป็นต้น พร้อมยืนยันว่า 30 วันจะมาพูดคุยกันอีกครั้ง และในที่ประชุมคณะกรรมการย้ำว่าจะต้องมีการจัดประชุมครั้งหนึ่งไม่ใช่แค่พูดคุยวงนอก เพื่อความโปร่งใสและทุกฝ่ายจะได้เสนอแนะ
เมื่อถามย้ำว่า 30 วันหลังจากนี้จะมีอะไรชัดเจนขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก็น่าจะต้องมีเพราะเป็นข้อกำหนดไว้แล้วในที่ประชุม
ส่วนหากทำ พ.ร.บ.เงินกู้ จะทันในปีนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะยังต้องฟังข้อคิดเห็นว่ามีวิธีไหนบ้าง
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะบอกประชาชนอย่างไรเพราะโครงการอาจจะช้าไปอีก 30 วัน เศรษฐา กล่าวว่า มันก็คือข้อเท็จจริง เพราะหากเร่งทำไปอาจจะมีหลายภาคส่วนบอกว่าทำไมต้องเร่ง ไม่เช่นนั้นอาจจะมีข้อสังเกตในเรื่องของกระทำไม่ถูกต้องหรือไม่ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน โดยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ได้มีการรายงานที่ประชุมว่ากำลังการซื้อหดตัวลง และต้องมีการช่วยพยุงค่าครองชีพต่างๆ ฉะนั้นถ้าเราทำเรื่องเก่าๆมันจะกลับไปสู่วังวนเดิม ดังนั้นเรื่องเหล่านี้หากจะช้าไปเพราะความถูกต้อง เพื่อรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างตนก็เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องและจำเป็น
เมื่อถามต่อว่า เมื่อผลการศึกษาออกมาแล้วจะทำให้กรอบระยะเวลาโครงการขยับออกไปหรือต้องใช้งบประมาณในปี 2568 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เป็นไปได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับข้อสรุปว่าจะออกมาอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า หากใช้คำว่า “ช้าแต่ได้ชัวร์” ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ครับ ค่อนข้างจะเป็นไปได้ ไม่แน่ใจว่าจะช้าหรือไม่เพราะขณะนี้ไม่ทราบว่าข้อเสนอแนะคืออะไร หากทุกคนบอกว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน และทำให้ทุกภาคส่วนสบายใจสามารถกำกับดูแลเรื่องนี้ให้โปร่งใสได้ คณะกรรมการที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ก็ต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ เชื่อว่าหากอธิบายได้จะสามารถทำให้โครงการเดินต่อได้เร็ว พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ความเห็นของกฤษฎีกายังไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนจะทบทวนกรอบการแจกหรือไม่เพราะ ป.ป.ช.เสนอว่าให้แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางจริงๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็ทบทวนไปแล้ว และหลายคนก็บอกว่าอย่าแจกคนรวย แต่เหตุผลหนึ่งที่ล่าช้าตนถามกลับไปยังผู้แนะนำว่าคนรวยคือเงินเดือนเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่มีใครบอกกลับมา โดยรัฐบาลคิดเอง จึงได้คำตอบว่าคนรวยคือเงินเดือน 70,000 แต่ตนก็ถูกต่อว่ากลับมาว่าเงินเดือน 70,000 ก็ยังมีหนี้อยู่ รวมถึงปฏิเสธว่าไม่ใช่คนรวย และอยากได้เงินจากโครงการนี้ด้วย ฉะนั้นจะให้ตนตัดตรงไหน เพราะนโยบายตอนแรกจะให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป ฉะนั้นขอให้บอกตนหน่อยเพื่อเป็นเอกฉันท์ที่จะให้แจกกลุ่มเปราะบางนั้นต้องเท่าไหร่ และค่อยมาพูดคุยกันดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่า ปี 2567 โครงการจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องมีการประชุมกัน ส่วนไทม์ไลน์จะขยับออกไปหรือไม่ ตนยังไม่แน่ใจ เพราะต้องฟังความเห็นก่อนว่าจะมีวิธีไหนอย่างไร พร้อมยืนยันว่า จะยังไม่บอกว่าล่าช้าออกไป และไม่ทราบว่าหลังจากนี้ 30 วันจะมีความคิดเห็นตอบกลับมาอย่างไร
ส่วนแผนกู้เงินจะยังเป็นการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องรอฟังจากคณะกรรมการ แต่ไม่ตอบว่าจะออกเป็น พ.ร.บ.เหมือนเดิมหรือไม่ โดยยังไม่มีตัวเลือกอื่น ก่อนนายกรัฐมนตรี ได้เดินกลับขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที