ไม่พบผลการค้นหา
ศาลปากีสถานมีคำสั่งให้ผู้ต้องหาชาวจีน ภายใต้ข้อหาดูหมิ่นศาสนาอิสลามถูกคุมขังในศาลเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยชายจีนผู้นี้ ซึ่งถูกระบุว่าชื่อเทียนในคำร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเป็นทางการ ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่เพื่อนร่วมงานของเขากล่าวหาขึ้น ในระหว่างการขึ้นศาลในเมืองแอบโบตาบัดเมื่อเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 เม.ย.)

ทาฮีร์ อายับ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น ยืนยันกับสำนักข่าวอัลจาซีราเมื่อวันพุธ (19 เม.ย.) ว่า ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเหตุการณ์นี้ ทั้งนี้ การดูหมิ่นศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในปากีสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นประชากรส่วนใหญ่ โดยผู้ที่ถูกพบว่ามีความผิดฐานหมิ่นศาสนาอิสลาม อาจต้องรับโทษประหารชีวิตสำหรับอาชญากรรมในบางรูปแบบ

ชาวสัญชาติจีนผู้นี้ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายขนส่งสินค้าหนักในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ โดยเขาถูกกล่าวหาเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ว่าดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัดของศาสนาอิสลาม เนื่องจากมีการกล่าวหาว่าเขากระตุ้นให้คนงานเร่งความเร็วในการทำงาน ขณะที่พวกเขากำลังพักละหมาด ทั้งนี้ ชายจีนรายดังกล่าวทำงานอยู่ในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำดาซูในเขตโคฮิสถาน ของแค้วนไคเบอร์ปัคตูนควาทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังก่อสร้างโดยบริษัทไชน่าเกอจัวปากรุ๊ป

รายงานของตำรวจปากีสถานในเหตุการณ์ดังกล่าวระบุว่า ชายจีนคนดังกล่าวพูดจาดูหมิ่นและทำท่าทางวิพากษ์วิจารณ์อัลเลาะห์และนบีมูฮัมหมัด ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาต่อชายจีนรายดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่โดยชาวบ้านที่ปิดกั้นทางหลวงคาราโคราม ซึ่งเชื่อมโยงถนนของปากีสถานเข้ากับจีน และเรียกร้องให้มีการจับกุมผู้ต้องหา

นาซีรุดดิน ข่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองดาซู กล่าวว่า มีการจัดตั้งทีมสอบสวนขึ้นเพื่อหาข้อเท็จจริง “เรากำลังพูดคุยกับล่ามของผู้ต้องหา ผู้กล่าวหา และผู้ประท้วงคนอื่นๆ” ข่านบอกกับสำนักข่าวอัลจาซีรา โดยเขากล่าวเสริมว่า งานในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ

สถานทูตจีนในกรุงอิสลามาบัดยังไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ แต่ หวังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันอังคาร (18 เม.ย.) ว่า ทางการจีนกำลัง “ตรวจสอบข้อมูล” โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวระหว่างการแถลงข่าวอีกว่า “รัฐบาลจีนขอให้ชาวจีนในต่างประเทศปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศเจ้าภาพเสมอ และเคารพขนบธรรมเนียมและประเพณีท้องถิ่น” พร้อมย้ำว่า “หากเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับชาวจีน สถานทูตของเราจะให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือด้านกงสุลตามขอบเขตของหน้าที่”

แม้ว่าปากีสถานจะไม่เคยประหารชีวิตใครก็ตาม ในข้อหาดูหมิ่นศาสนาอย่างเป็นทางการ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากถูกรุมประชาทัณฑ์จากบุคคลและกลุ่มคนที่โกรธแค้นจากข้อกล่าวหาดังกล่าว หรือจากการแสดงออกถึงการต่อต้านกฎหมายที่รุนแรง ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 80 คนในเหตุรุนแรงในลักษณะดังกล่าว

ในปี 2564 ผู้จัดการโรงงานชาวศรีลังกาถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในเมืองซิอัลโกลทางตอนกลางของรัฐปัญจาบ โดยเพื่อนร่วมงานของเขากล่าวหาว่าเขาดูหมิ่นศาสนา เช่นเดียวกันกับในปี 2554 ที่ ซัลมาน ตาเซียร์ อดีตผู้ว่าการรัฐปัญจาบ ถูกยิงเสียชีวิตโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเขาเอง เนื่องจากเขาแสดงการสนับสนุนผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นศาสนา ก่อนที่ในเวลา 3 ปีต่อมา ราชิด เรห์มาน ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ถูกสังหารเนื่องจากเขาเป็นตัวแทนของอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งถูกกล่าวหาว่าแสดงความคิดเห็นดูหมิ่นศาสนา

จีนเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญของปากีสถาน และทั้ง 2 ประเทศกำลังร่วมมือกันในโครงการโครงสร้างพื้นฐานระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถานมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2 ล้านล้านบาท) อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการโจมตีชาวจีนจำนวนมากขึ้นในปากีสถาน โดยทางการจีนขอให้ทางการปากีสถานรับประกันความปลอดภัยสำหรับพลเมืองของตน และช่วยอำนวยความสะดวกแก่ชาวจีนในประเทศมุสลิมแห่งนี้

โครงการไฟฟ้าพลังน้ำดาซูเองประสบกับความล่าช้าในอดีต โดยปัจจุบันมีพนักงานอย่างน้อย 13 คนที่ทำงานในพื้นที่โครงการ รวมถึงชาวจีน 9 คน ซึ่งถูกสังหารในเหตุระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อปี 2564 ทั้งนี้ การโจมตีดังกล่าวนำไปสู่การระงับงานในโครงการเป็นเวลา 6 เดือน โดยในเดือนนี้ มีเหตุไฟไหม้เกิดขึ้นในแคมป์เก็บของของพื้นที่ก่อสร้างด้วย


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/4/19/chinese-man-accused-of-blasphemy-in-pakistan-taken-into-custody?fbclid=IwAR1T8frI61oUKx1p5qAqqq0atw_KjGjUUmtvpKFM_M2m1-XwKSeuwukajG8