วันที่ 29 มี.ค. ยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคฯ ว่า ถ้าพรรคนี้อยู่กับพวกเผด็จการตนไม่ไป แต่เต็มใจอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น ทั้งนี้นโยบายของพรรคเพื่อชาติมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด โดยมีแนวคิดจากคนรุ่นใหม่ ส่วนเป้าหมายเก้าอี้ ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จากที่ได้คุยกับผู้บริหารที่เป็นรุ่นใหม่ ไม่ได้มีการตั้งเป้า แต่จะมีการประเมินในช่วง 20 วันก่อนเลือกตั้งอีกครั้ง ว่าจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ โดยขณะนี้ผู้ใหญ่หลายคนก็ทยอยกลับมาที่พรรคเพื่อชาติ พร้อมยืนยันว่าตนก็จะไม่ขอมีตำแหน่งในพรรคหรือลง ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกด้วย
ส่วนกระแสข่าวดีลตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคพลังประชารัฐ ยงยุทธ อดีตรัฐมนตรียุครัฐบาลทักษิณ มองว่า จากที่ตนอยู่การเมืองมาตั้งแต่ปี 2529 และอยู่มาหลายพรรค สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ นักการเมืองที่ไม่มีประสบการณ์ก็มักจะพูดว่า จะรวมกับพรรคนี้ซื้อได้เสียงเท่านี้เท่านั้น สุดท้ายหลังเลือกตั้งก็เป็นอีกอย่าง ทำให้หลายท่านต้องตระบัดสัตย์เพราะขาดประสบการณ์ ทั้งนี้มองว่าวันนี้หลายพรรคการเมืองปล่อยข่าวซึ้งหวังร้าย รวมถึงประเด็นดังกล่าวด้วยซึ่งอาจจะเป็นผลเสียกับฝ่ายพรรคเพื่อไทย และเป็นผลดีกับอีกฝั่ง ซึ่งมันเป็นภาวะวิสัยของนักการเมือง ฉะนั้นจึงเชื่อว่าเหตุการณ์อย่างนี้ก็จะมีอีก
ส่วนกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาระบุว่าอยากกลับประเทศและพร้อมรับโทษ มันจะมีความเชื่อมโยงกับการเลือกตั้งหรือไม่ ยงยุทธ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นเลขาฯและเคยอยู่กับ ทักษิณ มาก่อน ผมเข้าใจความเป็นคุณตา เข้าใจความเป็นสามี เข้าใจความเป็นพ่อของลูก และเข้าใจในความเป็นคนไทย วันนี้ท่านก็รู้สึกว่าในช่วงเวลาที่ถูกยึดอำนาจใหม่ๆ ก็บอกกันตนว่า ยอมรับไม่ได้กับความอยุติธรรมและยืนหยัดต่อสู้แบบนั่นมา แต่พอถึงเวลาที่เปลี่ยนไป ทักษิณ เค้าบอกว่าในการต่อสู้เมื่อเป้าหมายมันแข็งวิ่งเข้าชนมันไม่ได้ วันนี้แม้ไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ต้องกินเลือดเพื่อคนอื่นๆ หลายคนกระแหนะกระแหนว่านายกฯทักษิณ สุขสบาย นั่นใช่ถ้าหากเอาความสบายในร่างกาย แต่ในมุมจิตใจของคนมันถูกขังคุก
ฉะนั้นวันนี้ถ้าท่านบอกว่า จะกลับมาและล้างเรื่องราวต่างๆ เพื่อไม่ให้ทุกคนเดือดร้อน หลานก็จะมีตา ลูกก็จะมีพ่อ ภรรยาก็จะมีสามี แล้วตัวเองก็จะได้เข้ามาเพื่อให้ทุกคนที่เป็นห่วงคลายกังวลว่า บ้านเมืองมันเดินหน้าต่อไปได้ วันนี้โจทย์ใหญ่ไม่ได้อยู่ที่แลนด์สไลด์ แต่อยู่ที่ผู้ปกครองที่มีอำนาจว่าจะตัดสินอย่างไร ว่าจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือจะช่วยกันแก้ปัญหาด้วยการกลืนเลือดก้อนเล็กๆ หลายคนที่ได้รับการกระทำก็ต้องกลืนเลือดก่อนโต เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ทุกคนถามมันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว และครั้งนี้ตนก็เชื่อว่าเป็นครั้งสุดท้ายของการช่วยกันตัดสินใจที่จะคลี่คลาย เพราะท่านอายุมากแล้ว พร้อมย้ำว่าปัญหาทุกอย่างจะจบลงด้วยความเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ได้อยู่ที่ตัวนายกทักษิณ แต่อยู่ที่คนไทยและผู้มีอำนาจด้วย
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ ทักษิณ บ้างหรือไม่หลังไปอยู่ต่างประเทศ ยงยุทธ ระบุว่า ไม่ต้องถามว่าติดต่อไหม แต่ผมสามารถยกโทรศัพท์โทรหาได้เลย พร้อมย้ำว่า ตนไม่ปฏิเสธในความเป็นลูกทีมในการที่จะเดินทางไปเยี่ยมเยียนเพื่อให้กำลังใจ พร้อมยืนยันว่าตนเงินไม่สามารถซื้อได้แต่หัวใจสำคัญกว่า
เมื่อถามว่า ขั้วการจัดตั้งฐบาลหลังเลือกตั้งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ยงยุทธ ระบุว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลง 3 เรื่องที่น่ากลัวมาก คือ ในฐานะเป็นนะกการเมืองเก่า มองว่าจะเกิดวิกฤต ชาวบ้านเลือดหวังให้กลุ่มนี้มาเป็นรัฐบาลแต่ก็ไม่ได้เป็น เสียงส่วนน้อยได้เป็น ซึ่งจะเกิดอะไรขึ้นและนี่จะเป็นปัญหาใหญ่ คราวที่แล้วยอมมาทีนึงแล้ว ถ้าจะยอมอีกครั้งจะเป็นปัญหาไหม
และเรื่องที่สองที่นายกฯ ทักษิณ กลับบ้านลงสนามบินมาก็จะมีคนไปรอรับจำนวนมาก ถ้าเอาท่านไปติดคุกเชื่อว่า คนก็จะนอนหน้าคุกกันเต็ม บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร และถ้ารัฐบาลบอกว่าให้รัฐประหาร เปลี่ยนแปลงประเทศไม่ให้ ทักษิณ เข้ามาบ้านเมืองก็จะไม่สงบ ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่จะต้องเตรียมการเพื่อให้บ้านเมืองสงบ กลืนเลือดกันคนละก้อน นายกทักษิณยอมกลืนเลือดมาติดคุกแล้ว ส่วนผู้มีอำนาจก็ต้องหาทางแก้ปัญหาหาทางลงเท่านั้น
ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะวิจัยด้านหมอกควัน เสนอแนะถึงการแก้ปัญหาฝุ่นละออง ว่า การแก้ปัญหาหมอกควันในวันนี้ เราเดินมาผิดทาง เพราะมันไม่สามารถแก้ปัญหาได้ลำพังโดยประเทศไทย เพราะมันคือหมอกควันข้ามแดน ซึ่งมันมาจากหลายประเทศในอาเซียน ที่สามารถพัดเข้ามาในประเทศไทยได้ ประกอบกับสภาพภูมิประเทศ อย่างในกรุงเทพฯ หากพื้นที่ใดร้อน อุณหภูมิเย็นก็จะไหลเข้ามาปกคลุมเพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ เราจึงจะเห็นหมอกควันปกคลุมอยู่อย่างนี้ และเรื่องการปล่อยมลพิษจากรถนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้การแก้ปัญหาฝุ่นละออง ประเทศไทยตีโจทย์ไม่แตก โดยตีโจทย์ปลายทาง อาทิ ประกาศภัยพิบัติ เตรียมโรงพยาบาล ให้ประชาชนใส่หน้ากาก ดังนั้นเบื้องต้นต้องแก้ในระดับชุมชน ด้วยการลดกิจกรรมของมนุษย์ในระดับท้องถิ่น ส่วนระดับจังหวัดและระดับชาติก็ต้องมีแผนโดยการบูรณาการหน่วยงานมาช่วยกันป้องกันแก้ไข ที่สำคัญต้องยกเป็นการแก้ปัญหาระดับชาติ ซึ่งวันหน้าไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการให้มีความมั่นคงทางด้านสิ่งแวดล้อม กับนานาชาติ เพื่อคอยป้องกันและแก้ปัญหาในประเทศต้นทาง ถ้าทำได้ประเทศไทยจะเท่มาก
"ผมฟันธง ปัญหาฝุ่นละออง แก้ด้วยตัวเองไม่ได้ ระดับท้องถิ่นไม่ได้ ระดับชาติไม่ได้ แต่ต้องเป็นระดับโลกที่ต้องช่วยกัน เพราะมันไม่มีทางที่ไหนในโลกนี้จะช่วยตัวเองได้ เพราะมันมีความสัมพันธ์กันระหว่างเรื่องโลกร้อนกลับหมอกควัน"