ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกพรรคเพื่อชาติ ชี้การอาสาเป็นผู้บริหารประเทศต้องมีวิสัยทัศน์ มีความรับผิดชอบ มีทักษะในการบริหารจัดการงบประมาณ ไม่ใช่ทำงานตามหน้าที่โดยพึ่งสิ่งเหนือธรรมชาติ

นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า การอาสาเป็นผู้บริหารประเทศต้องมีวิสัยทัศน์ มีความรับผิดชอบ มีทักษะในการบริหารจัดการงบประมาณ ไม่ใช่ทำงานตามหน้าที่โดยพึ่งสิ่งเหนือธรรมชาติไปวันๆ อย่างกรณีการแก้ปัญหาภัยแล้งน้ำท่วมควรจะมีระบบบริหารจัดการน้ำที่ไม่ต้องมาใช้งบชดเชยภัยแล้งให้เกษตรกรแสนกว่าล้านในเวลา 5 ปี จากข่าวอิทธิพลของพายุโพดุลเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ในพื้นที่ 16 จังหวัด มีฝนตกหนักร้อยละ 60 ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 กันยายน

แต่โดยภาพรวมปริมาณน้ำในเขื่อนหลักก็ยังไม่พ้นภาวะภัยแล้ง สถานภาพน้ำในเขื่อนต่างๆ วันที่ 31 สิงหาคม 2562 ข้อมูลจากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ภาคเหนือ 8 เขื่อนมีปริมาตรน้ำที่ใช้ได้จริงเกินร้อยละ 50 ของระดับน้ำเก็บกักของอ่างฯ เพียง 1 เขื่อนคือเขื่อนกิ่วลม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 เขื่อน ไม่มีเขื่อนใดมีปริมาตรน้ำที่ใช้ได้จริงเกินร้อยละ 50 ของระดับน้ำเก็บกักของอ่างฯ ภาคกลาง 4 เขื่อน ปริมาตรน้ำที่ใช้ได้จริงของระดับน้ำเก็บกักของอ่างฯ อยู่ในระดับต่ำมาก ยังคงสภาวะภัยแล้งรุนแรงไม่เกินร้อยละ 12 ภาคตะวันตก 2 เขื่อนไม่มีเขื่อนใดมีปริมาตรน้ำที่ใช้ได้จริงเกินร้อยละ 50 ของระดับน้ำเก็บกักของอ่างฯ ภาคตะวันออก 6 เขื่อน ไม่มีเขื่อนใดมีปริมาตรน้ำที่ใช้ได้จริงเกินร้อยละ 50 ของระดับน้ำเก็บกักของอ่างฯ ภาคใต้ 4 เขื่อน มี 2 เขื่อนที่มีมีปริมาตรน้ำที่ใช้ได้จริงเกินร้อยละ 50 ของระดับน้ำเก็บกักของอ่างฯ

สำหรับปัญหาภัยแล้ง ปัญหาการบริหารจัดการน้ำจากธรรมชาติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปี ถ้าผู้บริหารประเทศที่มีวิสัยทัศน์ จัดการแก้ปัญหาแบบองค์รวมอย่างมีระบบ กรณีบริหารจัดการน้ำของประเทศ เวลา 5 ปีที่รัฐบาลคสช. มีอำนาจเบ็ดเสร็จ น่าจะจัดการให้แล้วเสร็จไปแล้ว ไม่ต้องเสียงบประมาณในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ที่ผ่านมางบประมาณช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วม ภัยแล้งของรัฐบาลจากข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ปี 2554 - 2561 เป็นวงเงิน 108,351 ล้านบาท

ส่วนในปีนี้ก็มีการเสนอของบ 2 ครั้งจำนวน 23,400 ล้านบาทแล้วคือในวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 รัฐบาลก็อนุมัติงบผ่าน ธกส. 7,600 ล้านบาทนำไปชดเชยดอกเบี้ย 2.5% ต่อโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง และเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 กระทรวงมหาดไทยเสนอของบกลางจากรัฐบาลจำนวน 15,800 ล้านบาทเพื่อช่วยภัยพิบัติภัยแล้ง น้ำท่วม เบื้องต้นจะได้จังหวัดละ 200 ล้านบาท ยกเว้นจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ที่ได้จังหวัดละ 500 ล้านบาท

ผู้บริหารองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถในการบริหารจัดการการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเห็นตัวเลขงบประมาณที่ใช้เพื่อชดเชยภัยแล้งปีละประมาณสองหมื่นล้านบาท ต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาระยะยาว ไม่ใช่ขอให้ประชาชนฝ่าภัยแล้งโดยขุดบ่อเก็บน้ำ ใครที่ยากจนก็หาที่ขุดร่วมกัน อีกทั้งสวดมนต์ขอให้ฝนตก อย่างที่พลเอกประยุทธ์บอก หรือข้าวเหนียวราคาสูงเพราะผลผลิตน้อยเกิดความเสียหายจากภัยแล้งก็จะแก้ไขปัญหาด้วยการบอกให้ไปกินข้าวเจ้าแทน อย่างที่นายวิชัย อธิบดีกรมการค้าภายในบอก 

จากตัวเลขต่างๆ ที่มีอยู่ในมือ ถ้ามีวิสัยทัศน์นำมาศึกษาจะมองเห็นปัญหาว่า ต้องลงทุนแก้ระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบตัองมองภาพกว้างให้เอาชนะธรรมชาติให้ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะภาคการเกษตรที่จะได้ไม่เกิดภาวะผลิตผลการเกษตรเสียหายจากภัยแล้งหรือน้ำท่วม ทำให้มีรายได้จากผลผลิตมากกว่าเงินชดเชยที่รัฐบาลช่วยเหลือ ผู้บริหารประเทศก็จะได้มุ่งทำตลาดเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจมากทำไมรัฐบาล คสช. ที่บอกจะเข้ามาปฏิรูปประเทศ 5 ปีที่ผ่านมาทำไมถึงแก้ปัญหาของประเทศไม่ประสบความสำเร็จ แม้แต่เรื่องความขัดแย้งของประชาชนในประเทศ

อีกทั้งก่อให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้น โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น เศรษฐกิจฐานรากอยู่ในภาวะป่วยหนัก หรือว่าการบริหารประเทศของ คสช. เกิดความผิดพลาดจากความเข้าใจผิดของผู้บริหารประเทศที่ไม่มีมุมมองการแก้ปัญหาที่ทันโลก การกำหนดนโยบายโดยไม่ผ่านการปรึกษาหารืออย่างรอบด้าน การรวมศูนย์อำนาจ การใช้ระบบราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย โดยละเลยกลไกอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่าทำให้ประเทศเสียโอกาส สร้างคนจนขึ้นมา 14.5 ล้านคน ขอทานอีกจำนวน 4,612 คน (ข้อมูล จากกระทรวงพัฒนาสังคม ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2562) อีกทั้งการบริหารงบประมาณโดยแยกลำดับความสำคัญก่อนหลังไม่ได้

เช่น งบประมาณในการซื้ออาวุธซึ่งลำดับความสำคัญต้องเป็นลำดับสุดท้ายในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศเช่นทุกวันนี้ แต่รัฐบาลก็ยังอนุมัติงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธทุกปี เปรียบได้กับในครอบครัวที่แทบจะไม่มีจะกิน แต่กลับนำเงินที่มีเพียงน้อยนิดไปซื้อรถเกราะของเล่นเพื่อสนองความพึงพอใจของหัวหน้าครอบครัว