ไม่พบผลการค้นหา
หอการค้าฯ - สภาหอการค้าฯ ‘สบายใจ’ หลังฟังนโยบาย ศก.เพื่อไทย พร้อมร่วมมือฟื้นประเทศ ‘สนั่น’ ชี้ หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลเดินหน้าแก้ ศก. ‘เศรษฐา’ ยัน เพื่อไทยมา ความเหลื่อมล้ำต้องลดลง ‘พรหมินทร์’ ชี้ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600บ. เคารพไตรภาคี

วันที่ 21 มีนาคม 2566 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ กิตติ ลิ่มสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกรุงเทพมหานคร วราวุฒิ ยันต์เจริญ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร จักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรค อาทิ จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย

1037626.jpg

พงศภัค นครศรี ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ร่วมหารือ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย 

เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นแนวทางที่ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญ แตพรรคเพื่อไทยซึ่งดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจในอดีต ได้สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก พร้อมย้ำนโยบาย Digital wallet สำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่วนจำนวนเงินจะบอกอีกครั้ง ไม่ใช่ 500-600 บาทแน่นอน ไม่สามารถนำไปซื้อเหล้า บุหรี่ ได้ สามารถนำไปซื้อเครื่องมือทำการเกษตรได้ จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้เป็นทวีคูณ พร้อมยืนยันว่าจะใช้นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ใช้นโยบายประชานิยมเพื่อหาเสียงอย่างเดียว ไม่มีการบิดเบือนราคาสินค้าเกษตรแน่นอน โดยจะใช้วิธีการตามปรัชญา ‘นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ สร้างรายได้ต่อไร่ให้กับเกษตรกร 3 เท่า จากมีรายได้ 1,000 บาทต่อไร่ เป็น 3,000 บาทต่อไร่ พร้อมเพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำในทุกพื้นที่ หากพรรคเพื่อไทยได้รับโอกาสจากประชาชน เราจะดำเนินการตามนโยบายโดยไม่เสียวินัยการเงินการคลัง และสร้างเม็ดเงินภาษีสู่ประเทศ แม้จะเป็นกลุ่มชายขอบของสังคม หรือกลุ่มรายได้น้อย รวมทั้งปัญหาสังคม เพศสภาพ สิทธิเสรีภาพ พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญ

1037625.jpgเศรษฐา สภาหอกาาค้าไทย -9240-4557-84FA-8ADF475B92AB.jpegเศรษฐา สภาหอการค้าไทย -03BE-4DD3-9898-5B373954A5AA.jpegเศรษฐา พรหมินทร์ สภาหอการค้าไทย -215D-4AE8-8936-AF50E460924A.jpegเศรษฐา สภาหอการค้าไทย -95AC-4549-A498-D4108E0A4641.jpegเศรษฐา -AB91-4B22-B317-FF693AA8ABDD.jpeg


พรรคเพื่อไทยสนใจงาน World pride parade 2028 นอกจากจะเป็นการแสดงออกด้านสิทธิเสรีภาพทางเพศแล้ว ยังสามารถส่งเสริมกระตุ้นภาคเศรษฐกิจได้ (Economic benefit) หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะพยายามทำให้เกิดขึ้นในประเทศไทย 

“8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยบอบช้ำไปมาก เรายินดีปรับปรุงแก้ไข ขอให้ภาคเอกชนสบายใจได้ สิ่งที่ดีเราจะสานต่อและพร้อมฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น” เศรษฐา กล่าว

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลักการของพรรคเพื่อไทยในการผลักดันเศรษฐกิจมี 3 ด้านหลักๆ คือ 

1.ภาครัฐจัดเก็บภาษีจากกำไรในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน 20% ดังนั้นภาครัฐถือเป็นหุ้นส่วนกับประชาชนในการนำเงินภาษีมากระตุ้นเศรษฐกิจ 

2.เพิ่มกำลังซื้อ และเพิ่มอำนาจการจับจ่ายของประชาชน ผ่านการยกฐานเศรษฐกิจด้านล่างขึ้น ค้าขายจะดีขึ้น กำลังซื้อเพิ่ม การผลิต การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น การจัดเก็บภาษีจะเพิ่มขึ้น เพื่อมาดูแลประชาชนได้ดีขึ้น

3.ประเทศไทยต้องหาโอกาสจากวิกฤต ซึ่งมาจากปัจจัยจากต่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบประเทศไทยหลายประการ ทำให้เศรษฐกิจยากจะฟื้นตัว เช่น ความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน สงครามการค้า จีน- สหรัฐ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการต่างประเทศของไทยยังไม่ดีพอ ดังนั้นเราต้องยึดถือในความเป็นเพื่อนกับทุกประเทศ ผ่านการเจรจาการค้าที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต 

1037620.jpg

นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์ใหญ่ของประเทศ อย่างการเจรจาการค้า FTA ต้องเดินหน้า การประมงของไทยกลับมายิ่งใหญ่ กำลังซื้อของภาคการเกษตรต้องกลับมา เศรษฐกิจต้องฟื้นตัวอย่างน้อย 5% การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน 600 บาทต่อวันและเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน เราเคารพในไตรภาคีซึ่งมีนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ เสมอ พร้อมย้ำว่า ภาคการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นประตูรองรับเม็ดเงินเข้าประเทศที่เร็วที่สุด และกระจายสู่ประชาชนได้ทันที หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะเร่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวจากปัจจับัน 1.9 ล้านล้านบาท เป็น 3 ล้านล้านบาท ผ่านการเพิ่มสายการบิน ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการบิน การจัดการเที่ยวบิน และการบริหารด่านตรวจคนเข้าเมืองให้คล่องตัวมากขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวต้องปลอดภัย มีอาหารที่ดี สร้างอีเวนต์ดึงชื่อเสียงของไทยกลับคืนมา การขอวีซ่าต้องง่ายขึ้น โดยต้องอยู่ภายใต้การรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ ต่างชาติเข้าไทยได้สะดวกขึ้น คนไทยก็สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้สะดวกขึ้นเช่นกัน 

“เรามีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ อย่างเร็ว เป้าหมายของเรา จีดีพี 5% เชื่อว่าในอดีตที่เราเคยทำได้ เราเคยทำมาแล้ว เครื่องจักรที่มี เราเดินเต็มที่ กำลังรบเรามีพร้อม พลรบของเรา คือ ประชาชน ต้องได้รับการบำรุงฉีดยา ตอนนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในห้องไอซียู เราจะปั๊มหัวใจให้กลับมาโดยเร็ว” นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าว

กิตติ ลิ่มสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายการคลัง และนโยบายการเงิน ต้องมาพร้อมกัน โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องมีเครื่องมือทางการเงิน ต้องกระจายความมั่งคั่งทางรายได้ กระทรวงการคลังต้องบริหารหนี้สาธารณะให้ดี ผู้มีรายได้ต้องเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อเพิ่มรายรับด้านภาษีของไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับต่ำเกินไปที่ 14% บางประเทศ 17% ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะศึกษามาตรการจูงใจให้ประชาชนแบะผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบการจัดเก็บภาษี 

สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการพูดคุย หารือกับพรรคเพื่อไทย รู้สึกสบายใจที่ได้ฟังว่าการใช้งบประมาณ จะมีแนวทางในการหารายได้มาสู่ระบบการเงินการคลังของประเทศมากขึ้น ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก หอการค้าไทย มีความเกี่ยวโยงกับภาคเกษตรเป็นส่วนมาก นวัตกรรมมีความสำคัญมาก ในการสร้างโอกาสที่จะทำให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ชื่นชอบนโยบาย Digital government เป็นอย่างมาก เขื่อว่าจะช่วยให้เกิดความโปร่งใส เชื่อว่าแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเสนอมา เป็นเรื่องจับต้องได้ และมาสู่ภาคปฏิบัติได้ 

“หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล ขอให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด ผมสบายใจที่ได้ยินแนวคิดต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย ผมพร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ ช่วยกันผลักดันหลายๆเรื่อง” สนั่น กล่าว 

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอของภาคเอกชนในประเด็นต่างๆ เช่น

1.สนับสนุนให้มีการจัด World pride ในไทย 

2.แก้ไขกฎระเบียบเพื่อเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองให้มากขึ้น 

3.ลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมสำหรับคนไทย 

4.สร้าง Art Hub ซื้อขายผลงานศิลปะโดยไม่ต้องเสียภาษี 

5.สร้าง Medical hub , Wellness hub และ Sport hub 

6.ส่งเสริมกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก

7.สานต่อการส่งเสริมภาคการเกษตรผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 

8.เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร ในภาคเหนือ และแก้ปัญหา PM2.5 

9.ผู้ประกอบการที่พัก และโรงแรม ต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมด้านการจัดเก็บภาษี 

10.เพิ่มการท่องเที่ยวคุณภาพสูง 

11.เพิ่มช่องทางการตลาด และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับเอสเอ็มอี 

12.อยากให้จัดตั้งองค์กรส่งเสริมสนับสนุนคอนเทนต์ไทย และการแข่งขันอีคอมเมิร์ช เป็นต้น 

สำหรับผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้แก่ สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (สสธวท.) กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย ไพรัช บูรพชัยศรี รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย จีรพันธ์ อัศวะธนกุล รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย ชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย สมบัติ ชินสุขเสริม รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย กฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการ หอการค้าไทย ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ กรรมการรองเลขาธิการ หอการค้าไทย ธเนศ วรศรัณย์ กรรมการรองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บุศบา จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ กรรมการบริหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พนิดา เทพกาญจนา กรรมการบริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กมลพงศ์ สงวนตระกูล กรรมการหอการค้าไทย วชิรพงษ์ ปรีชาว่องไวกุล กรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย อมรเทพ ทวีพานิชย์ หัวหน้ายุทธศาสตร์หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย